ทิศทางราคาทองคำ (ครึ่งปีหลัง) ปี 2567 – Gold Outlook 2024 EP2
สัมภาษณ์พิเศษ คุณพิพัฒน์ วชิรลาภไพฑูรย์ กรรมการผู้จัดการ บจ.ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด หรือ SCT GOLD
ภาพรวมทองคำครึ่งปีหลังยังแข็งแกร่ง หาก “ทรัมป์ชนะ-เฟดลด ดบ.-สงครามขยายวง” มีโอกาสเห็นราคาพุ่งทำสถิติใหม่ในปีนี้
ดำเนินรายการ โดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com
.
ระบชมคลิป ทิศทางราคาทองคำ(ครึ่งปีหลัง) 2567 – Gold Outlook 2024 EP3
คุณพิพัฒน์ วชิรลาภไพฑูรย์ กรรมการผู้จัดการ บจ.ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ กล่าวกับ GoldAround ถึงสถานการณ์ราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลังว่า
ปัจจัยที่หนุนให้ราคาทองคำในครึ่งปีแรกพุ่งแรงก็ยังคงอยู่ และในครึ่งปีหลังต้องมาดูความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ ว่าจะเป็นอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสที่มีแนวโน้มจะขยายไปยังประเทศเลบานอน
เรื่องต่อมาคือการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หาก “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้รับชัยชนะ มองว่าหลาย ๆ เรื่องจะเปลี่ยนไป โดยเฉพาะสงครามที่ยูเครน โดยอเมริกาจะทำให้ยุติโดยเร็วเพื่อนำเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจแทน และธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะปรับลดดอกเบี้ยลงทันที ซึ่งอาจจะทำให้ตลาดทองคำเข้าสู่ภาวะความผันผวนอย่างรุนแรง
คุณพิพัฒน์ มองว่า แม้ว่าราคาทองคำอาจจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงบางเรื่อง ที่ทำให้เงินดอลลาร์อาจจะแข็งค่าขึ้นมา แต่ยังมองว่ายังมีหลายปัจจัยที่ช่วยสร้างความสมดุลไม่ให้ราคาทองคำปรับลดลงไปมาก โดยเฉพาะความต้องการทองคำของธนาคารกลางต่าง ๆ ที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงหากว่าเฟดลดดอกเบี้ยเร็ว หรือปัญหาสงครามขยายวงกว้าง ก็มีโอกาสที่จะเห็นราคาทองคำขยับขึ้นแตะ 2,500-2,700 ดอลลาร์ในอนาคต
เมื่อมองปัจจัยทางเทคนิคตอนนี้ราคาทองคำยังพักตัวอยู่ใน เวฟ 4 ของอีเลียตเวฟ โดยราคายังสามารถแกว่งตัวได้ระดับ 200-300 ดอลลาร์ หากจะนับจากราคาที่ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 2,450 ดอลลาร์ ก็มีโอกาสที่ราคาจะลงมาพักตัวแถว 2,200-2,250 ดอลลาร์ เพื่อจะดีดตัวขึ้นแรงในอนาคต
หากราคาทองคำหลุดแนวรับ 2,290 ดอลลาร์ แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 2,250 ดอลลาร์ 2,220 และ 2,200 ดอลลาร์ตามลำดับ แต่จากการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงสัปดาห์ปลายเดือน มิ.ย. ต่อต้นเดือน ก.ค. ยังมองว่าในระยะสั้นทองคำยังเคลื่อนไหวในลักษณะ sideway up
แต่หากจะให้ยืนยันเป็นขาขึ้นที่ชัดเจนต้องยืนเหนือ 2,340 ดอลลาร์ให้ได้ จากนั้นราคาจะไปทดสอบ 2,370 และ 2,400 ดอลลาร์ในลำดับถัดไป
ปัจจัยสำคัญอยู่ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยเร็วแค่ไหน หากว่าเริ่มเดือน ก.ย. ราคาทองคำน่าจะพุ่งแรง อาจจะเห็นขึ้นทดสอบจุดสูงสดเดิมที่ 2,450 ดอลลาร์ได้ แต่หากไปเริ่มเดือน พ.ย. และปีนี้ลดเพียง 1 ครั้งอาจจะพุ่งไม่แรงมาก เพราะตลาดรับข่าวไปแล้ว
โดยในสัปดาห์นี้ต้องจับตาการรายงานการประชุม FOMC ในช่วงดึกวันพุธ และตัวเลขการจ้างงานในคืนวันศุกร์ ส่วนกรณีที่มีสถาบันการเงินจากต่างประเทศ มองว่าราคาทองคำอาจะพุ่งไปแตะ 2,500-2,700 ดอลลาร์นั้น คุณพิพัฒน์ มองว่ามีโอกาสเป็นไปได้แต่อาจไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ เพราะราคายังพักตัวอยู่ในเวฟ 4 ซึ่งจะกินเวลาไปอีกระยะ
กลยุทธ์การลงทุนภาพระยะสั้น ทาง SCT Gold มองว่ายังเป็น sideway up ถ้าราคายังหลุด 2,300 ดอลลาร์ ลงไป ก็ยังคงพักฐานต่อไปอีกระยะ แต่ถ้าหลุดลงไปจะเปลี่ยนไปเล่นในกรอบล่าง ถ้ามีสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางประทุขึ้นมา ก็อาจจะหนุนราคาทองคำขึ้นทะลุ 2,450 ดอลลาร์ ก็อาจจะเห็น 2,500 ดอลลาร์ได้
“ปัจจัยที่จะทำให้เป็นราคาทำนิวไฮในปีนี้ 1.สงครามตะวันออกกลางรุนแรงยกระดับขึ้นมาหรือไม่ และ 2.เฟดลดดอกเบี้ยกะทันหัน ไม่ใช่ตามที่ระบุไว้ใน Dot Plot คือเดือน พ.ย. ซึ่งก็มีโอกาสเป็นไปได้ เพราะหลายประเทศได้เริ่มเดินหน้าลดดอกเบี้ยแล้ว“ คุณพิพัฒน์ กล่าว
ส่วนราคาทองคำไทยครึ่งปีแรกปรับตัวขึ้นแรงเพราะได้เงินบาทอ่อนค่ามาช่วยไว้ ซึ่งปีนี้ราคาทองคำไทยถือว่าได้เปรียบ เพราะแนวโน้มเงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่อง ทำให้มองว่าโอกาสปจะปรับลดลงจะหลุด 39,000 บาท เป็นเรื่องยาก
ขณะที่การปรับขึ้นยังดูดีมากกว่า โดยจะไปตามแนวโน้มหลักของราคาทองคำโลก และเงินบาทอ่อนค่า โดยมองว่ามีโอกาสที่จะขึ้นไปทดสอบ 42,000 บาทอีกรอบในปีนี้ แต่ต้องมีปัจจัยสำคัญเข้ามาหนุนด้วย
สำหรับเป้าหมายนักลงทุนระยะสั้น รอเข้าซื้อแถว 40,000-39,800 บาท โดยมีเป้าหมายแถว 41,000 บาท ส่วนนักลงทุนระยะกลางเช้าซื้อแถว 39,700-39,500 บาท เป้าหมายคือ 42,000 บาท โดยมองว่าราคาทองคำจะเริ่มกลับมาปรับตัวขึ้นแรงอีกครั้งในช่วงไตรมาสสุดท้ายในปีนี้
Comments are closed.