ทิศทางราคาทองคำ ปี2567 – Gold Outlook 2024 EP1
สัมภาษณ์พิเศษ คุณภัทริน วชิรคพรรณ Chief Operation Officer บจ.เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ (LHC)
เล่งหงษ์ฯ ชี้ ปีนี้ทองคำยังสดใส มองเป้าหมายขยายตัว 10% จับตาประเด็นหลักนโยบาย FED
ดำเนินรายการ โดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com
.
รับชมคลิป ทิศทางราคาทองคำ ปี2567 – Gold Outlook 2024
คุณภัทริน วชิรคพรรณ Chief Operation Officer บจ.เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ กล่าวถึงภาพรวมตลาดทองคำในปีนี้ว่า
น่าจะยังเป็นปีที่สดใสเหมือนปีที่ผ่านมา ที่ทั้งราคาทองคำไทย และราคาทองคำ gold spot ปรับเพิ่มขึ้นมาประมาณ 12% กว่า ๆ เกือบ 13% โดยทางเล่งหงษ์ฯ มองว่าเป้าหมายปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10%
ทั้งนี้ ปัจจัยหนุนการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำมีประมาณ 3-4 ประเด็น
เรื่องแรก ก็คือ นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งละ 0.25% จำนวน 3 ครั้ง
โดยเฟดระบุว่า น่าจะเริ่มในไตรมาสสอง แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อาจจะลดมากถึง 6 ครั้ง และจะเริ่มตั้งแต่ในไตรมาสแรก
ทั้งนี้ ไม่ว่าการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะเริ่มในช่วงไตรมาสแรกหรือไตรมาสสอง แต่เฟดก็จะต้องลดดอกเบี้ยซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนทองคำแน่นอน เพราะนักลงทุนจะหันมาถือครองทองคำมากขึ้น และจะดันทำให้ราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
โดยเป้าหมายแรก ก็คือ การขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 2,145-2,148 ดอลลาร์ และเป้าหมายสำคัญ คือ 2,260 ดอลลาร์
เรื่องที่สอง ที่มองว่าค่อนข้างสำคัญ ก็คือ แนวโน้มที่เศรษฐกิจจะเกิดการถดถอย ซึ่งมีสัญญาณหลายอย่างเกินขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาแล้ว
โดยเป็นผลมาจากการที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งกลุ่มนี้มีผลต่อการคำนวนอัตราเงินเฟ้อถึง 30-40% หากว่าปัญหาจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลุกลามบานปลาย ก็จะส่งผลต่อธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมาย
“จากประวัติศาสตร์ทางการเงินของสหรัฐฯ ในช่วง 40-50 ปีที่ผ่านมา มีการขึ้นดอกเบี้ยคล้าย ๆ กับในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา 8 หรือ 9 ครั้ง และมักจะเกิดปัญหาการฮาร์ดแลนด์ประมาณ 7 ครั้ง ต้องมาดูว่า ในรอบนี้การแก้ปัญหาของเฟดจะทำให้เกิดซอฟท์แลนดฺดิ้งหรือฮาร์ดแลนดิ้ง แต่ก็หวังว่า จะไม่มีอะไรรุนแรงมาก อย่างไรก็ดี สิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นแนวโน้มที่จะเป็นการหนุนราคาทองคำ”
ปัจจัยที่สาม ยังคงมองเรื่องของสงครามการสู้รบในจุดต่าง ๆ แม้ว่าขณะนี้จะไม่ร้อนระอุเหมือนในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา แต่ทว่า ก็มีปัจจัยเพิ่มเติมโดยเฉพาะการสู้รบในทะเลแดง ขณะที่ส่วนอื่น ๆ ก็พร้อมจะประทุขึ้นมา ทั้งรัสเซีย-ยูเครน หรืออิสเอลกับกลุ่มฮามาส ซึ่งประเด็นนี้ถือว่าสำคัญ เพราะเมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นมา ราคาทองคำมักจะพุ่งแรง
“ปัจจัยที่กล่าวข้างต้น เป็นปัจจัยที่หนุนราคาทองคำทั้งสิ้น ทำให้เล่งหงษ์ฯ มองว่าหากราคาทองคำปีนี้จะปรับขึ้นประมาณ 10% ไม่น่ายาก แต่ในระหว่างทางราคาอาจจะมีการพักตัวหรือปรับฐานลงมาบ้าง ตามวัฎจักรการเคลื่อนไหวของราคา โดยในระยะสั้นมองว่าหากราคาสามารถเบรกระดับ 2,080 ดอลลาร์ ไปได้ อาจจะไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมประมาณ 2,145-2,148 ดอลลาร์”
ส่วนปัจจัยลบ ถ้าเป็นราคาทองไทย จะน่าจะเรื่องการแข็งค่าของเงินบาท ที่มักจะเคลื่อนไหวตรงกันข้ามกับเงินดอลลาร์ หากจะมองจากปัจจัยต่าง ๆ จะเห็นว่า ได้แนวโน้มของเงินดอลลาร์จะเป็นการอ่อนตัว และจะทำให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าได้
อย่างไรก็ดี ยังมองว่าการแข็งค่าของเงินบาทก็จะยังน้อยกว่าการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ gold spot ซึ่งมีโอกาสที่จะเห็นราคาทองคำไทยขึ้นไปเคลื่อนไหวแถว 34,000-35,000 บาท ได้
ในระยะสั้น เงินบาทมองแนวรับที่บริเวณ 33.70 ถึง 34.20 บาทต่อดอลลาร์ หากว่าไม่หลุดลงไป อาจจะรีบาวน์ขึ้นไปได้ที่บริเวณแถว ๆ 34.80-34.90 บาทต่อดอลลาร์ได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตาใกล้ชิดในปีนี้ คือ เรื่องนโยบายของเฟด ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรบ้าง หรือจะเดินตามระบุไว้ในผลการประชุม FOMC เดือน ธ.ค. รวมถึงต้องดูถึงเหตุการณ์สำคัญอื่น ๆ เช่นการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีนี้
กลยุทธ์การลงทุน ในส่วนของทองคำไทย หากต่ำกว่า 33,500 บาท ยังถือเป็นจุดเข้าซื้อ โดยสามารถหวังผลได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ส่วนราคาทองคำ gold spot จุดเข้าซื้อแถว 2,030 หรือ 2,000 ดอลลาร์ ทั้งนี้ ต้องรอดูว่าในการประชุม FOMC เดือนมี.ค. เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยหรือไม่ หากลด มองว่าราคาทองคำไปต่อ แต่ถ้ายังไม่ลดอาจจะมีการปรับฐานแต่มองว่าถ้าไม่ต่ำกว่า 1,950 ดอลลาร์ยังเข้าซื้อได้
ทั้งนี้ ในช่วงหลังจากนี้ จะเข้าสู่แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด หากปีนี้ลดลงแค่ 3 ครั้ง หรือแค่ 0.75% แต่ในปีถัดไปก็ยังคงต้องลดลงอีกเพราะดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งการซื้อทองคำสะสมไว้ก็ถือเป็นการลงทุนในระยะยาวได้
Comments are closed.