สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 เดือน
สัปดาห์นี้ติดตามมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจสหรัฐ การจ้างงานสหรัฐ
แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,845-1,880ดอลลาร์
- สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ Spotปรับลงแรงติดต่อกัน 3 วัน โดยปรับลงหลุดแนวรับสำคัญทางจิตวิทยา 1,900 ดอลลาร์และทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ 1,848 ดอลลาร์ เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 เดือน ความล่าช้าของมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐความคืบหน้าการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 แต่ช่วงปลายสัปดาห์ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้น จากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากสหรัฐประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สูงกว่าตลาดคาด ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ซื้อทองคำ19.86 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- สัปดาห์นี้ติดตามมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ การจ้างงานของสหรัฐเดือนก.ย.และจีดีพีไตรมาส 2ของสหรัฐ ซึ่งเป็นประมาณการครั้งสุดท้าย สำหรับตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐเดือนก.ย.คาดว่าจะทำให้ราคาทองคำผันผวนในกรณีที่ตัวเลขจริงออกมาต่างจากที่ตลาดคาด ซึ่งตลาดคาดการจ้างงานภาคเอกชน ADPและการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 650,000 ตำแหน่งและ 900,000 ตำแหน่ง ตามลำดับ
- แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ1,845-1,880ดอลลาร์ โดยมีแนวต้าน 1,880 ดอลลาร์ที่อาจจะมีแรงเทขายออกมา แต่ถ้าผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,900 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,845 ดอลลาร์และ1,820 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,860.00 | -7.50 | 1,845/1,820 | 1,880/1,900 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
27,850 | -100 | 27,550/27,200 | 28,050/28,250 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,030 | -40 | 27,710/27,380 | 28,240/28,440 |
แนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคาทอง Spot ปรับขึ้นมาที่บริเวณ 1,880 ดอลลาร์ (GF 28,240 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,900 ดอลลาร์(GF 28,440บาท)
การลงทุนในทองแท่งแนะนำแบ่งเงินทยอยซื้อสะสมที่ราคาทองคำ Spot 1,845 ดอลลาร์ และ1,800-1,820 ดอลลาร์
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,870.10 | -1.90 | 1,850/1,825 | 1,885/1,905 |
แนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคาทอง Spot ปรับขึ้นมาที่บริเวณ 1,885 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,905 ดอลลาร์
เงินบาท
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดทรงตัวโดยเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สัปดาห์นี้ติดตามมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ การจ้างงานของสหรัฐเดือนก.ย. การเมืองในประเทศ ซึ่งUSD Futures เดือนธ.ค.63คาดจะมีแนวรับที่ 31.45 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 31.65 บาท/ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งค่าขานรับแนวโน้มเฟดขึ้นดอกเบี้ย
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 ก.ย.) โดยนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.3% แตะที่ระดับ 94.6429 เมื่อคืนนี้
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ:ทองปิดลบ 10.6 ดอลลาร์เหตุดอลล์แข็งค่าสกัดแรงซื้อ
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 ก.ย.) โดยถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นซึ่งทำให้สัญญาทองคำมีความน่าสนใจน้อยลงเนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่นๆสัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 10.6 ดอลลาร์หรือ 0.56% ปิดที่ 1,866.3 ดอลลาร์/ออนซ์และสัญญาทองปรับตัวลง 4.9% ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 10.3 เซนต์หรือ 0.44% ปิดที่ 23.093 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ:น้ำมันWTI ปิดลบ 6 เซนต์วิตกแนวโน้มอุปสงค์ลด-อุปทานเพิ่ม
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันที่ลดลงหลังจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นและหลายประเทศดำเนินมาตรการควบคุมการเดินทางอีกครั้งซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 6 เซนต์หรือ 0.2% ปิดที่ 4.25 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 2 เซนต์หรือ 0.05% ปิดที่ 41.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดหุ้นต่างประเทศ:ดาวโจนส์ปิดบวก 358.52 จุดแรงซื้อหุ้นเทคโนโลยีหนุนตลาด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 ก.ย.) หลังการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวนโดยแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ช่วยหนุนตลาดแต่ดัชนีดาวโจนส์และดัชนีS&P 500 ยังคงติดลบเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันเนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐท่ามกลางความไม่แน่นอนในการออกมาตรการช่วยเหลือครั้งใหม่จากรัฐบาลสหรัฐ, ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีและจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐและยุโรป ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,173.96 จุดเพิ่มขึ้น 358.52 จุดหรือ +1.34%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 3,298.46 จุดเพิ่มขึ้น 51.87 จุดหรือ +1.60% และดัชนีNasdaq ปิดที่ 10,913.56 จุดเพิ่มขึ้น 241.30 จุดหรือ +2.26%
“โนวาแวกซ์” เริ่มทดลองวัคซีนต้านโควิดระยะสุดท้ายกับอาสาสมัครหมื่นรายในอังกฤษ
โนวาแวกซ์ (Novavax) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตวัคซีนรายใหญ่ของสหรัฐเริ่มดำเนินการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19ระยะสุดท้ายในอังกฤษโดยดำเนินการร่วมกับคณะทำงานด้านวัคซีนของรัฐบาลโนวาแวกซ์ทำการทดลองเพื่อศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนกับอาสาสมัครผู้เข้าร่วมการทดสอบจำนวน10,000รายในช่วงอายุ18-84ปีหลังจากวัคซีนที่ผ่านการคัดเลือกในการทดลองทางคลินิกระยะแรกสามารถสร้างแอนติบอดีในระดับที่สูงมากพอที่จะต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19ทั้งนี้การทดลองวัคซีนจะพิจารณาจากกลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19มากที่สุดเป็นอันดับแรกและทางบริษัทคาดว่าน่าจะใช้เวลาราว4-6สัปดาห์จึงจะได้ข้อมูลจากการทดลองเพื่อนำไปยื่นขออนุมัติใช้วัคซีนในอังกฤษสหภาพยุโรปและประเทศอื่นๆโดยก่อนหน้านี้บริษัทคาดว่าจะยื่นขออนุมัติในสหรัฐได้ในช่วงเดือนธ.ค.นี้โนวาแวกซ์คาดว่าจะสามารถผลิตวัคซีนได้ปีละ2พันล้านโดสเมื่อวัคซีนมีประสิทธิภาพพร้อมใช้ในช่วงกลางปี2564
ส.ส.เดโมแครตร่างมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจฉบับใหม่คาดผ่านสภาสัปดาห์หน้า
สมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเริ่มร่างข้อเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินประมาณ 2.4 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อนำข้อเสนอดังกล่าวไปเจรจาร่วมกับทำเนียบขาวและสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาโดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะเยียวยาเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สมาชิกพรรคเดโมแครตเปิดเผยกับสื่อว่าร่างมาตรการดังกล่าวจะมีการโหวตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในสัปดาห์หน้าและมีแนวโน้มที่จะผ่านความเห็นชอบโดยแม้ว่าวงเงินในมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่นี้จะน้อยกว่าวงเงิน 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ที่สภาผู้แทนราษฎรได้อนุมัติไปเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาแต่ก็ยังสูงกว่าที่สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเคยเสนอและสูงกว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์เคยเสนอไว้ที่ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ทางด้านนางแนนซีเพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวว่าเธอพร้อมที่จะเจรจากับทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ “เราพร้อมที่จะเจรจาดิฉันกำลังหารือกับบรรดาแกนนำของพรรคและเรากำลังดูว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง” นางเพโลซีกล่าวทั้งนี้สัญญาณบวกเกี่ยวกับการเจรจาเพื่อทำข้อตกลงออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่นี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กให้ฟื้นตัวขึ้นทางด้านนายเจอโรมพาวเวลประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เน้นย้ำมาโดยตลอดว่าทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐในวันข้างหน้าจะขึ้นอยู่กับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความพยายามของรัฐบาลสหรัฐในการใช้มาตรการเยียวยาเศรษฐกิจ
“ซิโนแวก” บริษัทยาจีนพร้อมจำหน่ายวัคซีนต้านโควิด-19 ทั่วโลกต้นปีหน้า
นายหยินเหว่ยตงซีอีโอของบริษัทซิโนแวก (SinoVac) ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ชั้นนำของจีนเปิดเผยว่าวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่บริษัทกำลังพัฒนานั้นจะพร้อมจัดส่งไปทั่วโลกรวมถึงสหรัฐในช่วงต้นปี 2564 นายหยินยืนยันที่จะยื่นขออนุมัติจำหน่ายวัคซีนโคโรนาแวก (CoronaVac) ในสหรัฐกับทางสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐหากผ่านการทดลองกับมนุษย์ในรอบที่ 3 และรอบสุดท้ายและเปิดเผยว่าเขาได้เข้าร่วมทดลองฉีดวัคซีนดังกล่าวด้วย “ในช่วงเริ่มต้นเราวางกลยุทธ์เพื่อผลิตวัคซีนสำหรับจีนและอู่ฮั่นแต่หลังจากนั้นไม่นานในเดือนมิ.ย.และก.ค. เราได้ปรับกลยุทธ์ของเราโดยมีเป้าหมายที่จะส่งมอบวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้กับทั่วโลกรวมถึงสหรัฐ, สหภาพยุโรปและประเทศอื่นๆ” นายหยินระบุที่ผ่านมากฎเกณฑ์ที่เข้มงวดในสหรัฐ, สหภาพยุโรป, ญี่ปุ่นและออสเตรเลียนั้นได้สกัดกั้นการขายวัคซีนของจีนแต่นายหยินระบุว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงทั้งนี้ซิโนแวกกำลังพัฒนาวัคซีนโควิด 1 ใน 4 ตัวของจีนขณะที่บริษัทซิโนฟาร์ม (SinoPharm) ของรัฐบาลจีนผลิต 2 ตัวและบริษัทแคนซิโน (CanSino) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือกองทัพจีนผลิต 1 ตัวนายหยินเปิดเผยว่าในปัจจุบันมีประชาชนมากกว่า 24,000 รายเข้าร่วมการทดลองทางคลินิกสำหรับการฉีดวัคซีนโคโรนาแวกในประเทศบราซิล, ตุรกีและอินโดนีเซียและคาดว่าจะมีการทดลองเพิ่มในบังคลาเทศและชิลีทั้งนี้ซิโนแวกเลือกทำการทดลองในประเทศดังกล่าวเนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่รุนแรง, มีประชากรจำนวนมากและมีขีดความสมารถด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่จำกัดซิโนแวกได้รับการอนุมัติจากทางการจีนในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาร่วมกับซิโนฟาร์มและแคนซิโนให้ฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนหลายพันคนในจีนภายใต้มาตรการฉุกเฉินและได้ส่งมอบวัคซีนโคโรนาแวกหลายหมื่นโดสให้กับรัฐบาลเทศบาลกรุงปักกิ่งด้วยนอกจากนี้พนักงานประมาณ 90% ของซิโนแวกเองก็ได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าวด้วย “เราเชื่อมั่นว่าการวิจัยวัคซีนต้านโควิด-19 ของเราจะสามารถผ่านการอนุมัติตามมาตรฐานของสหรัฐและประเทศในสหภาพยุโรป”