- Advertisement -

การประชุม FOMC ในคืนวันนี้ (15 มิ.ย.) ได้ถูกจับตาจากทั่วโลกทันที หลังจากที่ตัวเลข CPI สหรัฐฯ เดือน พ.ค. ที่ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้พุ่งแตะระดับ 8.6% สูงสุดในรอบกว่า 40 ปี

ทำให้นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นเป็น 0.75 % เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ

จากเดิมทีที่ประธานเฟด เคยระบุว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุม FOMC เดือน มิ.ย. และ ก.ค. หากเฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย 0.75% จริง จะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2537

ทั้งนี้ มีนักวิเคราะห์จาก แคปิตอล อิโคโนมิกส์ ,นักวิเคราะห์จากบีเอ็นวาย ,นักวิเคราะห์จากบาร์เคลยส์ ,นักวิเคราะห์จาก Swissquote Bank และ เจฟเฟอรี่ส์ คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้เช่นกัน

ขณะที่ Fed Fund Rate Futures ล่าสุด พบว่า 2% มองขึ้นดอกเบี้ยเดือน มิ.ย. ที่ 0.5% และ 98% มองขึ้นรวดเดียว 0.75%

- Advertisement -

Mohamed El-Erian, chief economic advisor at Allianz กล่าวกับ CNBC ว่า

Fed จะเดินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะตอนนี้สูญเสียการควบคุมไปหมดแล้ว และนโยบายเดิมที่กำหนดไว้ อาจจะตามอัตราเงินเฟ้อไม่ทัน ที่สำคัญอัตราเงินเฟ้อยังไม่ถึงจุดสูงสุด หากเฟดไม่ทำอะไรมากกว่านี้ ปัญหาจะลามไปทั่วทุกภาคส่วน

ผลจากการคาดการณ์ดังกล่าว ทำให้เมื่อคืนนี้ ดัชนีดอลลาร์พุ่งทำสถิติใหม่ โดยขึ้นไปแตะ 105.652 ทำลายสถิติเดิมที่เคยทำไว้ที่ระดับ 105 เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ10 ปี พุ่งแตะ 3.497%

การพุ่งขึ้นของดัชนีดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ทำให้ ราคาทองคำ ลดลงอีก 10 ดอลลาร์ ลงมาแตะที่ 1805 ดอลลาร์ ก่อนจะวกมาปิดตลาดที่ 1,808 ดอลลาร์

- Advertisement -

ขณะที่ สินทรัพย์อื่น ๆ ได้ร่วงลงหนักเช่นกัน โดยเฉพาะ มาร์เก็ตแคปของตลาดคริปโตเคอเรนซี่ ได้ลดลงไปกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ต่ำสุดรอบกว่า 1 ปี

โดยวันนี้ ราคาบิตคอยน์ร่วงลงแตะระดับ 22,000 ดอลลาร์ หรือ บริเวณ 770,000 บาท ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2563

- Advertisement -