คำแนะนำ เปิดสถานะซื้อ 1,834-1,827
จุดทำกำไร ขายเพื่อทำกำไร $1,849
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสถานะซื้อหากหลุด $1,809
แนวรับ : 1,827 1,809 1,793 แนวต้าน : 1,849 1,863 1,877
สรุป
ราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้น 26.34 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันบริเวณ 1,809.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางแรงหนุนหลายประการ ได้แก่ (1.)ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.11% แตะที่ 95.617 (2.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีของสหรัฐร่วงลง สู่ระดับ 1.822% หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ 1.902% ในวันพุธ (3.) เงินปอนด์แข็งค่าเทียบดอลลาร์ ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.พ. หลังจากอังกฤษเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 30 ปี ขณะที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด พร้อมยืนยันไม่ลาออก ปัจจัยนี้กดดันดอลลาร์เพิ่ม (4.) ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนัก โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) (5.) ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและรัสเซีย ในประเด็นยูเครน หลังจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน คาดการณ์เมื่อวันพุธว่า รัสเซียจะเดินหน้าโจมตียูเครน พร้อมขู่ว่ามันจะเป็นหายนะสำหรับรัสเซีย หากพวกเขารุกรานยูเครน เพราะสหรัฐและพันธมิตรพร้อมที่จะดำเนินการที่รุนแรงต่อรัสเซียและเศรษฐกิจรัสเซีย ซึ่งช่วยหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ปัจจัยที่กล่าวมาหนุนให้ราคาทองคำทะลุผ่านแนวต้านสำคัญซึ่งกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อตามทางเทคนิคเพิ่มเติม ส่งผลให้ราคาทองคำทะยานขึ้นแข็งแกร่งจนทดสอบระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือนบริเวณ 1,843.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม +5.23 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจจากเฟดฟิลาเดลเฟีย, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานและยอดขายบ้านมือสอง
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) วีโอเอสัมภาษณ์พิเศษ: “รมต.บลิงเคน” เตือน สหรัฐฯ เตรียมออกโรงหากรัสเซียบุกยูเครนนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับวีโอเอ ที่กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน โดยระบุว่า สหรัฐฯ เตือนรัสเซียว่า สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรจะตอบโต้กิจกรรมทางทหารในอนาคตของรัสเซียต่อยูเครนอย่าง “แน่วแน่และเต็มกำลัง” อย่างไรก็ตาม นายบลิงเคนยังหวังว่า รัสเซียจะใช้วิธีทางการทูตเพื่อแก้ไขวิกฤตยูเครนในครั้งนี้ รมว. ต่างประเทศสหรัฐฯ ยังกล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายดมิโทร คูเลบา รมว. ต่างประเทศยูเครน ว่า รัสเซียตรึงกองกำลังเกือบ 100,000 นายที่ชายแดนยูเครนและอาจมีจำนวนเพิ่มมากกว่านี้สองเท่าในระยะเวลาอันสั้น และสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าส่งยุทโธปกรณ์ช่วยเหลือยูเครนต่อไป และจะส่งมากกว่านี้หากรัสเซียยังคงมีท่าทีคุกคามต่อยูเครน ทางด้านนายคูเลบา ระบุว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องย้ำกับรัสเซียว่า รัสเซียจะเผชิญกับมาตรการลงโทษอย่างแรงหากยังคงมีท่าทีคุกคามประเทศเพื่อนบ้านอย่างยูเครนต่อไป
- (+) ปอนด์แข็งค่า คาดอังกฤษขึ้นดอกเบี้ยหลังเงินเฟ้อพุ่งเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (19 ม.ค.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.พ. หลังจากอังกฤษเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 30 ปี ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.22% แตะที่ 95.5180 เมื่อคืนนี้ เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3625 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3597 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.1351 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1328 ดอลลาร์ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7224 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7185 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 114.24 เยน จากระดับ 114.62 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9153 ฟรังก์ จากระดับ 0.9170 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2489 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2506 ดอลลาร์แคนาดา
- (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 339.82 จุด, Nasdaq ปรับฐาน หลังหุ้นเทคโนฯดิ่งหนักดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพุธ (19 ม.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่องและเข้าสู่การปรับฐาน (Correction) เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,028.65 จุด ลดลง 339.82 จุด หรือ -0.96%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,532.76 จุด ลดลง 44.35 จุด หรือ -0.97% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,340.26 จุด ลดลง 166.64 จุด หรือ -1.15%
- (+) นายกฯอังกฤษผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด หลังคาดการระบาดผ่านจุดพีคแล้วนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ในวันนี้ หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดแล้ว ทั้งนี้ นายจอห์นสันกล่าวว่า เริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้า ชาวอังกฤษจะไม่ต้องถูกบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยหรือต้องทำงานจากที่บ้านอีกต่อไป อย่างไรก็ดี นายจอห์นสันระบุว่า ประชาชนยังคงต้องถูกกักตัว หากตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 แต่เขาก็ต้องการให้มีการยกเลิกกฎหมายที่บังคับให้มีการกักตัวดังกล่าว นอกจากนี้ นายจอห์นสันยืนยันในวันนี้ว่า เขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง และทุกฝ่ายควรรอผลการสอบสวนต่อกรณีอื้อฉาวที่รัฐบาลจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในช่วงล็อกดาวน์ว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อกฎข้อบังคับใดๆ หรือไม่
- (-) สหรัฐเผยตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านสูงกว่าคาดในเดือนธ.ค.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 1.702 ล้านยูนิต และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.650 ล้านยูนิต จากระดับ 1.678 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย. ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านได้แรงหนุนจากสภาพอากาศอบอุ่นในเดือนธ.ค. แม้ได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง และการขาดแคลนแรงงาน ส่วนการอนุญาตก่อสร้างบ้านพุ่งขึ้น 9.1% สู่ระดับ 1.873 ล้านยูนิตในเดือนธ.ค.
- (-) WHO อาจประกาศยุติภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขจากโควิด-19 ในปีนี้นายแพทย์ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายโครงการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า โควิด-19 จะไม่มีวันหายไป แต่มีโอกาสที่ WHO จะประกาศยุติภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศในปีนี้
ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.