Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 18 พ.ย.64 by HGF

- Advertisement -

317

- Advertisement -

ทองคำเพิ่มขึ้น มีแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ป้องกันอัตราเงินเฟ้อ

คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ระวังแรงเทขายทองคำในช่วงกลางคืน

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อวานปิดตลาดเพิ่มขึ้น หลังจากปรับลดลงติดต่อกัน 2 วัน เนื่องจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและมีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ป้องกันอัตราเงินเฟ้อสำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อคืนที่ผ่านมาออกมาทั้งดีและไม่ดีโดยสหรัฐเปิดเผยการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นเป็น 1.65ล้านยูนิตดีกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.63ล้านยูนิต และการเริ่มสร้างบ้านเดือนต.ค.ลดลงเป็น 1.52ล้านยูนิตสวนทางกับที่ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.58ล้านยูนิตทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ซื้อทองคำ0.88 ตันเมื่อวาน
  • คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ตลาดคาดจะลดลงสู่ระดับ 260,000รายจากที่สัปดาห์ก่อนหน้านี้อยู่ที่ระดับ 267,000รายดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนพ.ย.ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 24.2 จากระดับ 23.8 ในเดือนต.ค. ดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจเดือนต.ค.โดย conference Boardตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากที่เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.2%
  • แนวโน้มราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,850-1,877 ดอลลาร์โดยคาดจะปรับลดลงในช่วงกลางคืน เนื่องจากคาดข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐจะออกมาแข็งแกร่ง ทั้งนี้ทองคำมีแนวรับอยู่ที่1,850 ดอลลาร์และ 1,840 ดอลลาร์ขณะที่มีแนวต้าน1,870 ดอลลาร์ และ 1,877 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

- Advertisement -

Closechg.SupportResistance
1,867.00+16.801,850/1,8401,870/1,877

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,800-15028,600/28,45028,850/28,950

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,96028,770/28,67029,020/29,130

- Advertisement -

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำกำไรบางส่วนที่ราคาทอง Spot1,877ดอลลาร์ (GF 29,130 บาท) การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,850ดอลลาร์ (GF 28,770บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,840ดอลลาร์ (GF28,670บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,866.00+4.101,852/1,8421,872/1,879

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำกำไรบางส่วนที่ราคาทอง Spot1,879ดอลลาร์การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำเมื่อราคาGOZ21ปรับลงมาที่ 1,852 ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,842ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะแข็งค่าขึ้น โดยเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังอัตราเงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีโดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 32.50บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 32.70บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ปอนด์แข็งค่ารับคาดการณ์แบงก์ชาติอังกฤษขึ้นดบ.เดือนหน้า

เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังเงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.09% แตะที่ 95.8305 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวก $16.1 รับแรงซื้อทองป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อนอกจากนี้การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลารยังช่วยให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดมากขึ้น ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 16.1 ดอลลาร์หรือ 0.87% ปิดที่ 1,870.2 ดอลลาร์/ออนซ์ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. 2564   สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 22.3 เซนต์หรือ 0.89% ปิดที่ 25.167 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดร่วง $2.40 วิตกสหรัฐระบายน้ำมันจากคลังสำรอง

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 80 ดอลลาร์เมื่อคืนที่ผ่านมา (17 พ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่วารัฐบาลสหรัฐอาจระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันนอกจากนี้ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาดทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.40 ดอลลาร์หรือ 3% ปิดที่ 78.36 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2564  สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 2.15 ดอลลาร์หรือ 2.6% ปิดที่ 80.28 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดร่วง 211.17 จุดวิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบียเร็วกว่าที่คาดไว้นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นบริษัทวีซ่าอิงค์ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,931.05 จุดลดลง 211.17 จุดหรือ -0.58%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,688.67 จุดลดลง 12.23 จุดหรือ -0.26% และดัชนีNasdaqปิดที่ 15,921.57 จุดลดลง 52.28 จุดหรือ -0.33%

ปธ.เฟดเซนต์หลุยส์แนะเร่งลดQE หลังเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี

นายเจมส์บูลลาร์ดประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่าเฟดควรเร่งเวลาในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี”ผมคิดว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่คณะกรรมการเฟดจะดำเนินนโยบายการเงินแบบคุมเข้มมากขึ้นในการประชุม 2 ครั้งข้างหน้าเพื่อที่เราจะจัดการความเสี่ยงของเงินเฟ้อได้อย่างเหมาะสม”   “เราสามารถดำเนินการให้เร็วขึ้นโดยเราสามารถเร่งปรับลดวงเงินในโครงการQE ให้เร็วขึ้นหากพิจารณาแล้วเห็นว่าเหมาะสม”  นายบูลลาร์ดกล่าวพร้อมระบุว่าเขาได้เสนอให้เฟดยุติโครงการQE ในไตรมาสแรกของปีหน้า

“เยลเลน” เตือนหนี้สหรัฐอาจพุ่งชนเพดาน15ธ.ค. แนะคองเกรสเร่งดำเนินการ

นางเจเน็ตเยลเลนรัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ส่งจดหมายถึงนางแนนซีเพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐโดยระบุว่าเธอคาดว่าหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐจะพุ่งชนเพดานในวันที่15ธ.ค.นี้ซึ่งช้ากว่าที่เธอคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ในวันที่3ธ.ค.เป็นเวลาเกือบ2สัปดาห์นางเยลเลนกล่าวว่าระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นอีก12วันนั้นจะทำให้สภาคองเกรสมีเวลามากขึ้นในการพิจารณาเพื่อที่จะบรรลุข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับการเพิ่มหรือยกเลิกเพดานหนี้โดยหากสภาคองเกรสไม่สามารถตกลงกันได้ก่อนกำหนดเส้นตายก็อาจทำให้รัฐบาลสหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์ในจดหมายดังกล่าวนางเยลเลนยังได้อธิบายถึงการทบทวนการคาดการณ์เกี่ยวกับเพดดานหนี้โดยระบุว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ประธานาธิบดีโจไบเดนได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงินกว่า1ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (15พ.ย.)   “เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาท่านปธน.ไบเดนได้ลงนามในกฎหมายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Bipartisan Infrastructure Framework – BIF)  ซึ่งจะมีการจัดสรรเงินเข้าสู่กองทุนHighway Trust Fund ภายในระยะเวลา1เดือนหลังจากกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้และกระบวนการโอนเงินจะเสร็จสิ้นในวันที่15ธ.ค.”     “แม้ดิฉันมีความมั่นใจอย่างมากว่ากระทรวงการคลังจะสามารถจัดสรรเงินให้กับรัฐบาลได้จนถึงวันที่15ธ.ค. และสามารถจัดสรรเงินเข้าสู่กองทุนHighway Trust Fund แต่เมื่อประเมินจากสถานการณ์ในขณะนี้แล้วดิฉันคิดว่ากระทรวงการคลังอาจจะไม่มีทรัพยากรมากเพียงพอที่จะจัดสรรให้กับรัฐบาลได้ภายหลังวันที่15ธ.ค.” นางเยลเลนกล่าวนางเยลเลนยังกล่าวด้วยว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้รัฐบาลสหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ซึ่งอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยและบั่นทอนสถานะของสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินสำรองของโลกทั้งนี้เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมายซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาลและการใช้จ่ายอื่นๆ

“ไบเดน” ลั่นพร้อมตัดสินใจเสนอชื่อประธานเฟดคนใหม่ภายใน4วัน

ประธานาธิบดีโจไบเดนผู้นำสหรัฐเปิดเผยว่าภายในเวลา4วันเขาจะตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายเกี่ยวกับการเสนอชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่เนื่องจากวาระการดำรงตำแหน่งของนายเจอโรมพาวเวลประธานเฟดคนปัจจุบันจะหมดลงในช่วงต้นปี2565เมื่อผู้สื่อข่าวถามปธน.ไบเดนว่า “ท่านใกล้ที่จะตัดสินใจเสนอชื่อประธานเฟดแล้วใช่หรือไม่” ซึ่งปธน.ไบเดนนิ่งไปซักครู่ก่อนที่จะตอบว่า “ใช่ผมพูดเหมือนกับที่คุณปู่ผมพูดว่าเราทำทุกสิ่งได้ด้วยพระคุณของพระเจ้าและผมเชื่อว่าจะเรารู้ว่าใครจะขึ้นมาเป็นประธานเฟดคนใหม่ภายใน4วันนี้”     ทั้งนี้ทำเนียบขาวกำลังมองหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่อจากนายพาวเวลและขณะนี้ประธานาธิบดีโจไบเดนยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเสนอชื่อผู้ใดให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว

ขอขอบคุณ  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

- Advertisement -

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More