ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวลงแรง 51.55 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ -2.84% หลังราคาทองคำได้รับแรงกดดันมากมาย อาทิ ถ้อยแถลงของกรรมการเฟด ที่สนับสนุนการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงิน และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือน ก.ค. ที่สูงถึง 943,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงเกินคาดสู่ระดับ 5.4% ในเดือน ก.ค.
ทำให้ตลาดคาดว่า เฟดอาจประกาศลดวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์รายเดือนตามมาตรการ QE อย่างเร็วสุดในการประชุมนโยบายการเงินที่กำลังจะมาถึงนี้ ก่อนที่จะเริ่มต้นดำเนินการลด QE ภายในสิ้นปี 2021 หรือ ต้นปี 2022
การคาดการณ์ดังกล่าว หนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ ยังหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ให้ดีดตัวสู่ระดับ 1.30% จนเป็นปัจจัยกดดันทองคำ
“ปัจจัยที่กล่าวมา กดดันให้ทองคำดิ่งลงหลุดแนวรับสำคัญ จนกระตุ้นแรงขายตามทางเทคนิคเพิ่มเติม โดยเช้าวันจันทร์ ราคาทองคำจะดิ่งลงต่อหลุดระดับต่ำสุดของ เดือน มิ.ย. บริเวณ 1,751 ดอลลาร์ จนกระตุ้นแรงขายตามเทคนิค ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดบริเวณ 1,680 ดอลลาร์ และเปลี่ยนภาพแนวโน้มของราคาทองคำจากเชิงบวก กลับมาเป็นเชิงลบ ภายในช่วงข้ามคืน” คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG กล่าวกับ GoldAround.com
ทั้งนี้ มุมมองทางเทคนิคในระยะสั้นของราคาทองคำ กลับมาเป็นลบมากขึ้น หลังการกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบ sideway down (เส้นสีชมพู) ในระยะกลางอีกครั้ง
ราคาทองคำหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,790 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นฐานของราคาทองคำในช่วงเดือนกว่า
นอกจากนั้น ยังหลุดเส้นค่าเฉลี่ยทั้ง สั้น-กลาง-ยาว และ เกิดสัญญาณ death cross โดยแนวโน้มดังกล่าวเกิดจาก เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น (SMA 50) ตัดลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว (SMA 200)
ซึ่งเป็นสัญญาณทางเทคนิคที่แสดงสภาวะของตลาดว่ากำลังมีแนวโน้มขาลง และราคาทองคำหลุดเส้นแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว ( เส้นสีน้ำเงินที่ลากจากระดับต่ำสุดของทองคำในปี 2018-2021)
ทำให้ภาพรวมทางเทคนิคในระยะสั้น กลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางขาลงอีกครั้ง ขณะที่ทิศทางในระยะกลางกลับมาเป็น sideway down ส่วนทิศทางในระยะยาวมีมุมมองเชิงบวกลดลง
คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG
อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังสามารถยืนอยู่เหนือระดับต่ำสุดของปีนี้บริเวณ 1,680-1,676 ดอลลาร์ ประกอบกับเกิดสัญญาณทางเทคนิคที่เริ่มบ่งชี้ว่า ราคาอยู่ในภาวะขายมากเกินไป (over sold) จึงประเมินว่า ราคาอาจเกิดการดีดตัวขึ้นได้ในระยะสั้น แนะนำให้นักลงทุนใช้การดีดตัวของราคาเป็นจุดในการขายเพื่อสดสถานะที่ถือครองทองคำเอาไว้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้นักลงทุนแบ่งทองคำออกขาย เมื่อราคาเกิดการดีดตัวขึ้น โดยประเมินแนวต้านแรกโซน 1,760-1,778 ดอลลาร์ หากสามารถยืนได้ ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,803 ดอลลาร์ ในการเข้าซื้ออาจรอการอ่อนตัวของราคาแล้วค่อยเข้าซื้อบริเวณแนวรับแรก 1,717-1,705 ดอลลาร์ เพื่อทำกำไรระยะสั้นจากการดีดตัวเท่านั้น โดยตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,705 ดอลลาร์ เพื่อถอยจุดซื้อไปยังแนวรับถัดไปโซน 1,680-1,676 ดอลลาร์
ขอขอบคุณ : YLG
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.