ราคาทองคำได้ดิ่งลงแรง หลังการประชุมนโยบายการเงิน หรือ FOMC ประจำเดือน มิ.ย. ก่อนที่ ปธ.ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะออกมาแถลงการณ์เพิ่มเติมในรายละเอียด โดยเฉพาะเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ดัชนีดอลลาร์ได้แข็งค่าขึ้นมาอย่างมาก และกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงต่อเนื่องตลอดกว่า 100 ดอลลาร์
“ภาพรวมผลประชุมที่ออกมาเป็น Hawkish Surprise หรือ สนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงินมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ทำให้ทิศทางราคาทองคำเป็นลบมากขึ้น และถือเป็นกระบวนการแรกของการกลับไปดำเนินนโยบายการเงินแบบปกติของเฟด ซึ่งหากการฟื้นตัวเศรษฐกิจดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุดแล้ว การคุมเข้มนโยบายการเงินจะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในที่สุด ทำให้นักลงทุนต้องระมัดระวังในการถือครองทองคำมากยิ่งขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้” นางสาว ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG กล่าวกับ GoldAround.com
ทั้งนี้ ภายหลังผลการประชุม FOMC ออกมา ได้หนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งกว่าเกือบ 1% และทำให้ราคาทองคำวันพุธปิดดิ่งลง 45.40 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ หรือ -2.45% ลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,804 ดอลลาร์ ต่อออนซ์
ก่อนที่วันพฤหัส ราคาทองคำยังคงปรับตัวลงต่ออีก 38.50 ดอลลาร์ หลังดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีก +0.55% แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนบริเวณ 92.008 และเป็นการแข็งค่า 2 วันติดต่อกันที่มากที่สุดในรอบ 15 เดือน
เป็นปัจจัยกดดันอย่างหนักต่อทองคำ ทำให้ราคาทองคำร่วงหลุดแนวรับทางจิตวิทยาบริเวณ 1,800 ดอลลาร์ และหลุดลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะ 50, 100 และ 200 วันจนกระตุ้นแรงขายทางเทคนิคเพิ่มเติม ทำให้ราคาทองคำดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ บริเวณ 1,867 ดอลลาร์ ต่อออนซ์
อย่างไรก็ดี แม้จะมีแรงรีบาวด์ในช่วงกลางวันของวันศุกร์ แต่ในช่วงค่ำราคาได้ปรับลดลง และยังคงลดลงต่อในวันเสาร์ ก่อนจะมาปิดตลาดแถว 1,760 ดอลลาร์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าวว่ายอมรับว่า การแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดที่เปลี่ยนไป ย่อมจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ เพราะนโยบายการเงินของเฟด ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งดอลลาร์สหรัฐฯ กับ ราคาทองคำเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้าม
ส่วนคาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำในช่วงครึ่งหลังของเดือน มิ.ย. หลังจากที่ราคาทองคำดิ่งลงแรง ทดสอบระดับต่ำสุดของเดือน มิ.ย. บริเวณ 1,761 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ในระหว่างการซื้อขายของวันที่ 19 มิ.ย. 2021 ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของเดือน พ.ค. ที่บริเวณ 1,765 ดอลลาร์ ต่อออนซ์
แม้ว่าราคาจะทิ้งตัวลงแรง แต่หากสังเกตจากระดับต่ำสุดของ เดือน มี.ค.-มิ.ย. มีการยกระดับต่ำสุดขึ้น ขณะที่ระดับสูงสุดในช่วงเดือน มี.ค.-มิ.ย. ก็มีการยกระดับสูงสุดขึ้นเช่นกัน และ ยังคงทำให้แนวโน้มในรายเดือนราคายังคงเป็นบวก
ทั้งนี้ แนะนำจับตาแนวรับในโซน บริเวณ 1,767-1,765 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ หากราคาทองคำยืนอยู่ได้ จะเกิดการแกว่งตัวออกด้านข้าง เพื่อสร้างฐานของราคา หรือ ราคามีโอกาสฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม แนะนำจับตาแรงขายทำกำไรที่สลับออกมา หลังจากราคาฟื้นตัวขึ้นว่ามากน้อยเพียงใด
โดยประเมินแนวต้านแรกโซน 1,826 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ หากสามารถยืนได้ จะทำให้แรงขายลดลง ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,917 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ( ระดับสูงสุดของเดือน มิ.ย. )
“นักลงทุนควรวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ เพราะหากราคาหลุดแนวรับบริเวณ 1,767-1,765 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ จะทำให้แนวโน้มราคาทองคำในรายเดือนกลับมาเป็นลบ และจำทำให้มีโอกาสอ่อนตัวลงต่อ เพื่อทดสอบแนวรับถัดไปโซน 1,676 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ( ระดับต่ำสุดของเดือน มี.ค. และเป็นระดับต่ำสุดของปี 2021 ) ซึ่งการเหวี่ยงตัว และความผัวผวนราคาอาจเพิ่มสูงขึ้น” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าว
ขอขอบคุณ : กลุ่มบริษัท วายแอลจี
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.