- Advertisement -

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐทรุดตัวลงอย่างหนักในไตรมาส 2 ปีนี้ ส่วนการที่เศรษฐกิจจะหดตัวลงมากเท่าใดและยาวนานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับว่าสหรัฐจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้รวดเร็วเพียงใด

ขณะนี้มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับมาตรการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและสามารถต้านทานผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในครั้งนี้ โดย เฟดจะดำเนินการในทุกวิถีทางที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจของสหรัฐสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์โควิด-19 ไปให้ได้ และผลักดันเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นโดยเร็ว

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มที่จะฉุดรั้งการจ้างงาน กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ ให้ทรุดตัวลงอย่างหนักในระยะ เวลาอันใกล้นี้ ทั้งนี้ นโยบายการเงินที่เฟดนำมาใช้ในขณะนี้ มีความเหมาะสม ซึ่งโครงการเงินกู้ฉุกเฉินของเฟดยังคงเปิดกว้างและสามารถดำเนินโครงการได้มากขึ้นอีก แต่การสนับสนุนของเฟด อยู่บนพื้นฐานของการปล่อยกู้ ไม่ใช่การใช้จ่าย และ เฟดจะไม่ปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทที่อยู่ในภาวะล้มละลาย

ทั้งนี้ ที่ประชุมเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% และยืนยันจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว จนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้น และเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% นอกจากนั้นเฟดจะยังคงซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในปริมาณที่มีความจำเป็นต่อไปเพื่อสนับสนุนการทำงานของตลาด หลังจากที่ได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ไปเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยไม่จำกัดวงเงิน และไม่จำกัดเวลา ซึ่งถือเป็นการดำเนินการแทรกแซงตลาดครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เฟดเคยดำเนินการมา และจะยังคงเสนอเงินกู้จำนวนมาก และดำเนินการซื้อคืนพันธบัตรเพื่ออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด

- Advertisement -