ความกังวลเกี่ยวกับการล่มสลายของ Evergrande บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับสองในประเทศจีน
บริษัทมีพนักงานเกือบ 200,000 คน แต่อาจมีคนเชื่อมโยงกับบริษัทมากถึง 4 ล้านคน นักลงทุนกว่า 70,000 ราย รวมถึง ธนาคาร และสถาบันการเงิน Parabanks หลายร้อยแห่ง
บริษัทมีอพาร์ตเมนต์อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 1-1.5 ล้านห้อง และบริหารจัดการย่านใกล้เคียง 2.8 พันแห่ง ในกว่า 300 เมือง นอกจากนั้น บริษัทยังมีธุรกิจด้านสุขภาพ สินค้าอุปโภคบริโภค ความบันเทิง และ ยานยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย
ต้นตอปัญหาของ Evergrande มาจากการมีเงินกู้ราคาถูกในจีน ทำให้นักลงทุนในจีนจึงเข้ามาเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และจากส่วนอื่น ๆ ที่คาดการณ์ว่า อาจจะมีผลตอบแทนสูงถึง 25% ทำให้ Evergrande ได้รับการยกระดับอย่างรวดเร็ว
แต่จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทไม่สามารถชำระหนี้ได้ แม้ว่าบริษัทสามารถลดหนี้ลงได้ประมาณ 20% ตั้งแต่ต้นปี แต่หนี้สินประเภทอื่นกลับพุ่งสูงขึ้น
หนี้ของ Evergrande คาดว่าจะสูงกว่า 300 พันล้านดอลลาร์ โดยเงินให้กู้ยืมและพันธบัตรคิดเป็นเพียงหนึ่งในสี่ของจำนวนนี้ ส่วนที่เหลือเป็นภาระผูกพันกับซัพพลายเออร์และผู้รับเหมา โดยเฉพาะพันธบัตรที่ออกในต่างประเทศ (ในประเทศอื่นที่ไม่ใช่จีน) มีมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์
แม้ว่าหนี้ต่างประเทศจะค่อนข้างน้อย แต่ Evergrande เป็นหนึ่งในผู้ออกตราสารหนี้รายใหญ่ที่สุดในตลาดเกิดใหม่
การล่มสลายของ Evergrande ที่อาจเกิดขึ้น ทำให้เกิดความเสี่ยงอย่างแท้จริงจากการผิดนัดชำระหนี้จากบริษัทอื่น ๆ ที่มีหนี้สินสูง โดย Evergrande ต้องจ่ายดอกเบี้ย 129 ล้านดอลลาร์ ในเดือน ก.ย. ในขณะที่สิ้นปี 2564 ต้องจ่ายเป็นเงิน 850 ล้านดอลลาร์
นี่เป็นความเสี่ยงทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดที่รัฐบาลจีนจะต้องเผชิญ ซึ่งหน่วยงานกำกับดูแลได้เตือนเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้ว
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากวิกฤต Evergrande อาจนำไปสู่ปัญหาสำคัญในภาคการธนาคารของจีน และอาจทำให้เกิดการผิดสัญญาในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนมากขึ้น
ในทางกลับกัน ทางการจีนมีวิธีป้องกันวิกฤต มีข่าวลือว่า ความช่วยเหลือจากรัฐบาลจีน จะมุ่งเป้าไปที่ธนาคาร และ นักลงทุนมากกว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เพื่อป้องกันการเกิดวิกฤตสภาพคล่อง ทั้งในจีน และประเทศต่าง ๆ
Steve Hanke, professor of applied economics of Johns Hopkins University กล่าวกับ Kitco news ว่า ผลกระทบจากวิกฤต Evergrande ขยายไปไกลกว่าตลาดหุ้น วิกฤตที่เกิดขึ้นจะบ่งบอกถึงการชะลอตัวของการเติบโตในประเทศจีน และสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกจะได้รับผลกระทบ เพราะจีนเป็นผู้บริโภครายใหญ่ และหากจีนเติบโตช้าลง แสดงว่าความต้องการโลหะพื้นฐานจะลดลงและราคา การเพิ่มขึ้นจะไม่พุ่งแรงอย่างที่เคยเป็นมา
ที่มา : xtb.com
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.