สถิติ 10 ปีหลังชี้ ราคาทองคำปลายปีพุ่ง เชื่อรีบาวด์กลับมายืน $1,900 ได้ (InterGold)
- Advertisement -
- Advertisement -
หลังจากที่ราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบ แนวต้าน 1,900 ดอลลาร์ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถยืนได้จนมีแรงขายออกมาทำให้ราคาทองคำร่วงมาแตะระดับ 1,877 ดอลลาร์ ก่อนที่ล่าสุด (18.45 น.)ราคาทองคำจะมาเคลื่อนไหวแถว 1,875 ดอลลาร์
“แม้ว่าราคาทองคำจะไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ แต่เชื่อว่าจะมีการรีบาวด์กลับขึ้นไปได้ เพราะเมื่อมองจากปัจจัยโดยรอบแล้วถือว่าเป็นบวกต่อราคาทองคำ และมองว่าที่ระดับราคา 1,880 ดอลลาร์ ถือว่าเป็นจุดน่าเข้าซื้อ เพื่อทำกำไรระยะสั้น หรือจะเก็บไว้ข้ามปีก็น่าสนใจ เพราะโดยปกติในช่วงต้นปีราคาทองคำมักจะปรับตัวเพิ่มขึ้น พร้อมมองว่าปีนี้ราคาทองคำน่าจะปิดแถวๆ 1,900 ดอลลาร์ ซึ่งอาจจะสูงหรือต่ำกว่าระดับดังกล่าวเล็กน้อย แต่ส่วนตัวยังเชื่อว่าน่าจะขึ้นมากกว่าลง”
นายธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าวกับ GoldAround.com
มาดูเหตุผลที่สนับสนุนแนวคิดดังกล่าว มาจากการรวบรวมสถิติย้อนหลังในช่วง 10 วันสุดท้ายของปี ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์ของ บ. อินเตอร์ โกลด์ พบว่าจะมี 5 ปี ที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น อีก 4 ปีราคาทองคำจะไม่เปลี่ยนแปลงมาก และ มีเพียงปีเดียวคือปี 2011 ที่ราคาลดลง เพราะเป็นปีที่ราคาทองมีความผันผวนสูง จะเห็นได้ว่า 9 ใน 10 หลังราคาทองคำไม่ได้ลดลง โดยเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ราคาได้ลงต่ำไปถึง 1,855 ดอลลาร์ไปแล้ว จึงทำให้เชื่อว่าราคาทองคำจะสามารถกลับมาทดสอบระดับ 1,900 ดอลลาร์อีกครั้ง
ส่วนปัจจัยเรื่องของข่าวสาร จนถึงขณะนี้น่าจะมี 2 เรื่องหลักที่ต้องติดตาม และน่าจะเป็นผลดีต่อราคาทองคำ ก็คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากที่ได้เจรจากันมานาน เมื่อช่วงช้าที่ผ่านมา(28 ธ.ค.) ก็มีข่าวดีในเรื่องดังกล่าว เมื่อ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตระบุว่าจะมีข่าวดี ทำให้คาดว่ามาตรการดังกล่าวน่าจะประกาศใช้ได้ในเร็วๆนี้ แต่ก็คาดว่าจะไม่ส่งผลกับราคาทองคำมากนัก เพราะตลาดได้คาดการณ์ล่วงหน้าไว้แล้ว
- Advertisement -
เช่นเดียวกับการเจรจาระหว่าง อังกฤษและ สหภาพยุโรป (EU) ในข้อตกลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าหลังอังกฤษแยกตัวออกจาก EU (Brexit) ก็ได้ข้อสรุปแล้วเช่นกัน และน่าจะประกาศได้ก่อนสิ้นปี ซึ่งทำให้ค่าเงินปอนด์และยูโรแข็งค่าขึ้น กดดันให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลดีต่อราคาทองคำเช่นกัน
- Advertisement -
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.