หลังจากที่เมื่อคืนนี้ทองคำถูกเทขาย จนทำให้ราคาร่วงลงมาแตะระดับ 1,831 ดอลลาร์ และยังส่งผลกระทบมาจนถึงวันนี้ ที่ราคายังทรุดตัวต่อเนื่อง โดยล่าสุด(18.30 น.) ราคาได้ลงมาแตะระดับ 1,810 ดอลลาร์แล้ว
ในทางกลับกันต้องลุ้นให้ราคากลับขึ้นไปยืนเหนือแนว 1,850 ดอลลาร์ให้ได้ภายในสิ้นสัปดาห์นี้ เพื่อให้จะให้ตลาดกลับเข้าสู่เทรนด์เดิม ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะนอกจากจะมีข่าวความคืบหน้าการผลิตวัคซีน COVID-19 ที่ส่งผลโดยตรงแล้ว ยังมีเรื่องทางการเมืองสหรัฐ หลัง “ทรัมป์” ดูเหมือนจะเริ่มยอมรับผลการเลือกตั้ง ปธน. โดยสั่งให้เริ่มการถ่ายโอนอำนาจให้”โจ ไบเดน”
รวมถึงสัปดาห์นี้ยังมีการประกาศตัวเลขสำคัญๆ อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิ การว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และรายงานการประชุมเฟด จากนั้นจะเข้าสู่วันขอบคุณพระเจ้า หรือ Thanksgiving Day ซึ่งตลาดสหรัฐจะปิดทำการในวันพฤหัสและศุกร์นี้
“การดิ่งลงของราคาในช่วงนี้อาจจะทำให้ทองคำลดความน่าสนใจ และเงินได้ไหลไปที่ตลาดหุ้น แต่จากปัญหาทางเศรษฐกิจที่สั่งสมจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ก็ยังคงอยู่ ทั้งเรื่องดอกเบี้ยต่ำ ปริมาณเงินมหาศาลที่มีการพิมพ์ออกมา รวมถึงเรื่องเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะดันภาพใหญ่ของราคาทองคำเป็นช่วงขาขึ้น แต่มองว่าการที่ราคาทองคำจะกลับไปแตะ 2,000 ดอลลาร์ อาจจะต้องใช้เวลามากขึ้น และน่าจะไม่ใช่ภายในปีนี้ โดยคาดว่าปีนี้ราคาทองคำน่าจะปิดที่ระดับ 1,950-70 ดอลลาร์”
นายธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ อยากให้รอดูความชัดเจนของราคาว่าจะไปในทางไหน ที่สำคัญยังไม่แนะนำให้อยู่ฝั่ง short จนกว่าราคาจะหลุดแนว 1,790 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นแนวรับสำคัญแนวรับสุดท้าย หากหลุดไปได้จะต้องมาประเมินภาพรวมตลาดทองคำใหม่หมด แต่หากราคาดีดกลับไปแตะ 1,840-50 ดอลลาร์ได้ถึงจะเข้าซื้อ เพราะยังยืนยันว่าภาพใหญ่ของราคาทองคำยังเป็นช่วงขาขึ้น โดยหากจะเก็งกำไรระยะสั้น ก็จะอาจจะไปขายแถว 1,890-1,900 ดอลลาร์ หรือหากจะหวังยาวก็ถือรอ 2,000 ดอลลาร์
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.