Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

ราคาทองคำยังไร้แรงฮึด YLG แนะจับตาหนี้สาธารณะสหรัฐฯ พุ่งสูง

- Advertisement -

320

- Advertisement -

การเคลื่อนไหวราคาทองคำ ตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์นี้ ได้ขยับ sideway กรอบ 1,797-1,761 ดอลลาร์ หลังปรับตัวลดลงแรงจากผลประชุมเฟดเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญ และทำให้ราคาทองคำลดลงกว่า 100 ดอลลาร์ ( ดูตารางการเคลื่อนไหวราคาทองคำ )

คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ในระยะสั้นราคาทองมีสัญญาณแกว่งตัวลดลง ราคายังมีโอกาสฟื้นตัวได้ หากสามารถกลับไปยืนเหนือ 1,800 ดอลลาร์ หรือ 27,150 บาทได้ โดยแนวต้านต่อไปจะอยู่ที่ 1,840 ดอลลาร์ หรือ 27,800 บาท และหากกลับไปยืนเหนือ 1,870 ดอลลาร์ หรือ 28,250 บาทได้ ก็สัญญาณทางเทคนิคก็จะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง

ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG
ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าวเพิ่มเติมว่า ในทางกลับกัน หากราคาทองคำไม่สามารถยืนที่แนวต้านดังกล่าวได้ จะเป็นสัญญาณเชิงลบ และมีโอกาสจะลงไปทดสอบแนวรับที่จุดต่ำสุดสัปดาห์ก่อน ที่ระดับ 1,761 ดอลลาร์ หรือ 26,550 บาท หรือ มีโอกาสทำจุดต่ำสุดใหม่

ส่วนราคาทองคำในประเทศไทยยังมีปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงนี้ และยังมีทิศทางอ่อนค่าไปทดสอบที่ประมาณ 32 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มองเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงด้านต่ำอย่างมีนัยสำคัญ

- Advertisement -

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าวถึงประเด็นที่ต้องจับตามองหลังจากนี้ คงต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพราะจะเป็นตัวแปรสำคัญ สำหรับการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในอนาคต โดยเฉพาะตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับเงินเฟ้อและตลาดแรงงาน

“หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงินของเฟด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนสกุลเงินดอลลาร์ และกดดันราคาทองคำ แต่หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาไม่ดี อาจส่งผลให้ เฟด ชะลอแผนการต่าง ๆ ทั้ง QE tapering และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป ซึ่งจะสร้างแรงหนุนให้แก่ราคาทองคำ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าวกับ GoldAround

นอกจากนั้น ยังต้องติดตามหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังของสหรัฐฯ โดยในปีที่แล้วมีเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มาจากนโยบายการเงิน และนโยบายการคลัง แล้วอย่างน้อย ๆ กว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์

และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชื่อว่า “American Rescue Plan” วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มเติมอีก รวมถึงยังพยายามผลักดันมาตรการสร้างงานและช่วยเหลือครัวเรือนในสหรัฐฯ รอบใหม่ ที่มีวงเงินรวมอีก 4 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้สหรัฐฯ ต้องก่อหนี้เพิ่มขึ้น

ล่าสุด ทำเนียบขาวสามารถบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรส ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 5.79 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจ้างงานในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผน American Jobs Plan โดยจะครอบคลุมการลงทุนโครงการสร้างถนน สะพาน ทางรถไฟ โครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและโครงการอื่นๆ ( อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ) ทำให้สถานะทางการคลังของสหรัฐฯ ยิ่งทรุดตัวลง

- Advertisement -

“ผลจากภาวะหนี้ที่อยู่ในระดับสูงทำให้เฟดจำเป็นต้องรักษาระดับของอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำเพื่อลดภาระต่อรัฐบาลในการจ่ายคืนดอกเบี้ย และรัฐบาลสหรัฐต้องระดมเงินผ่านการออกประมูลพันธบัตรรัฐบาล ทำให้อุปทานของพันธบัตรสหรัฐมีสูงขึ้นจนเป็นปัจจัยกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ที่สำคัญคือเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจในปริมาณอาจกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในประเทศ จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าว

ขอขอบคุณ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More