- Advertisement -

ตลาดทองคำอาจเผชิญกับการทดสอบจริงในสัปดาห์นี้ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,700 ดอลลาร์ เพราะเป็นจุดต่ำสุดของปี 2564 นักวิเคราะห์ชี้แม้ว่าวิกฤต Evergrande จะสร้างความกังกลให้ตลาด แต่ราคาทองคำก็ยังไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,750 ดอลลาร์ ได้อย่างยั่งยืน

Edward Moya senior market analyst OANDA กล่าวกับ Kitco News ว่า ด้วยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นภายหลังการ ประชุม FOMC ทำให้ราคาทองคำอาจตกอยู่ในอันตราย และอาจจะลงไปทดสอบระดับ 1,700 ดอลลาร์

พร้อมมองว่า ที่ผ่านมาราคาทองคำยืนเหนือ 1,700 ดอลลาร์ ได้ตลอดทั้งปี แม้จะมีบางช่วงเวลาที่ลงไปแตะ 1,680 ดอลลาร์ แต่ก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่หากพิจารณารูปแบบการซื้อขายทองคำในปัจจุบัน จะเห็นว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นในเหตุการณ์ความเสี่ยงใหม่ ๆ ก่อน แต่จากนั้นจะปรับตัวลดลงเมื่อทุกอย่างคลี่คลายลง

ประเด็นที่ต้องจับตามองในสัปดาห์นี้ เน้นไปที่การอภิปรายเรื่องเพดานหนี้ โดยนายเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนของเรื่องนี้

- Advertisement -

นอกจากนั้น ยังจะต้องติดตามการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ที่เสนอโดยรัฐบาล โจ ไบเดน ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติกันในวันพฤหัสนี้ หากเกิดปัญหากับทั้ง 2 เรื่องนี้ อาจจะหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

Moya ตั้งข้อสังเกตว่า ในประเด็นการยกเลิกเพดานหนี้ แม้ว่าจะมีข้อกังวลอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้ว เชื่อว่าจะมีทางออกได้ ซึ่งจะหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ สูงขึ้นอีก นั่นอาจส่งผลเสียต่อราคาทองคำ เช่นเดียวกับร่างกฎหมายด้านโครงสร้างพื้นฐาน หากผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนฯ และถูกส่งไปให้วุฒิสภาพจารณา อาจจะทำให้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และอาจจะเห็นราคาทองคำถูกเทขายหลุด $1,700 ก็เป็นได้

ส่วนปัจจัยหนุนของราคาทองคำ ในขณะนี้มีเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งผู้ค้าบางรายเฝ้าดูผลกระทบระยะยาวจากปัญหาคอขวดของอุปทาน ทั้งนี้ จากการรายงานของบริษัทใหญ่ ๆ พบว่าเป็นปัญหาด้านซัพพลายเชน หรือ การขาดแคลนแรงงาน ซึ่งทองคำจะเริ่มทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

- Advertisement -