Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 24 ก.ย.64 by YLG

- Advertisement -

204

- Advertisement -

คำแนะนำ :

เน้นเก็งกำไรระยะสั้นการเข้าซื้อควรรอราคาอ่อนตัวลงบริเวณแนวรับ 1,758-1,742 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาขยับขึ้นควรแบ่งขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านโซน 1,773-1,782 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าผ่านได้สามารถถือสถานะซื้อต่อ

แนวรับ : 1,758 1,742 1,717  แนวต้าน : 1,782 1,807 1,833

สรุป  

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวดิ่งลง  25.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แม้ราคาทองคำพุ่งขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,776.13 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างวัน   แต่ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้  ถึงแม้ว่าจะได้รับแรงหนุนจากการดัชนีดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง 0.38% สู่ระดับ 93.082 ท่ามกลางแรงเทขายสกุลเงินปลอดภัยและการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แย่เกินคาดก็ตาม  โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันหลักมาจาก  (1.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ทะยานขึ้นสู่ระดับ 1.4387% ซึ่งระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนก.ค. หลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เปิดทางสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วสุดภายในปีหน้า  และ (2.) ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแก่รง  เนื่องจากนักลงทุนในตลาดหุ้นมีปฏิกิริยาเชิงบวกต่อท่าทีของเฟดเกี่ยวกับการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงินและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ไม่มีเซอร์ไพรส์และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด  ประกอบกับนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเอเวอร์แกรนด์ หลังมีรายงานว่าธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงินจำนวนมากเข้าสู่ตลาด  สถานการณ์ดังกล่าวกระตุ้นแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัยในวงกว้าง  ซึ่งรวมถึงทองคำและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ  และแรงขายพันธบัตรเป็นอีกปัจจัยที่หนุนบอนด์ยีลด์ให้ทะยานขึ้นอีกด้วย  ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ราคาทองคำดิ่งลงจากระดับสูงสุดในระหว่างวัน  จนทำระดับต่ำสุดบริเวณ 1,737.88 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ก่อนที่จะมีแรงซื้อ Buy the dip และแรงซื้อทางเทคนิคเข้ามาหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวในช่วงปลายตลาดต่อเนื่องมาจนถึงเช้าวันนี้ในตลาดเอเชีย ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -8.14 ตัน  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยถ้อยแถลงของเจ้าหน้าเฟดหลายรายรวมถึงประธานเฟดในอีเว้นท์ Fed Listens และการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่

- Advertisement -

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองต่ำกว่าคาดในเดือนส.ค.สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 2% สู่ระดับ 5.88 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.89 ล้านยูนิต
  • (-) เฟดส่งสัญญาณหั่น QE ในไม่ช้า พร้อมขึ้นดอกเบี้ยปีหน้าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมวันนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้  นอกจากนี้ เฟดส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในไม่ช้า จากปัจจุบันที่เฟดทำ QE อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์/เดือน   “หากเศรษฐกิจมีความคืบหน้าตามที่คาดการณ์ไว้ FOMC ก็มีความเห็นว่าการปรับลดวงเงินในการซื้อสินทรัพย์อาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้า” แถลงการณ์ของเฟดระบุ  นอกจากนี้ กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าถึง 1 ปี เมื่อเทียบกับคาดการณ์เดิมในเดือนมิ.ย. ซึ่งกรรมการเฟดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566  ขณะเดียวกัน เฟดได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 5.9% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 7.0% ขณะที่ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของปี 2565-2567 สู่ระดับ 3.8%, 2.5% และ 2.0% ตามลำดับ และคงตัวเลขคาดการณ์อัตราการขยายตัวในระยะยาวที่ระดับ 1.8%  เฟดยังได้คงตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในปีนี้ที่ระดับ 0.13% ขณะที่ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในปี 2565-2567 สู่ระดับ 0.38%, 1.0% และ 1.88% ตามลำดับ และคงตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่ระดับ 2.5%  ขณะเดียวกัน เฟดปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปี 2564-65 สู่ระดับ 4.2% และ 2.2% ตามลำดับ และคงตัวเลขคาดการณ์ในปี 2566 ที่ระดับ 2.2% ขณะที่ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 2567 จะอยู่ที่ระดับ 2.1% และคงอัตราเงินเฟ้อในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 2.0%  นอกจากนี้ เฟดปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราว่างงานในปีนี้ สู่ระดับ 4.8% ขณะที่คงตัวเลขคาดการณ์ในปี 2565-2566 ที่ระดับ 3.8% และ 3.5% ตามลำดับ
  • (-) “ไบเดน-มาครง” เจรจาชื่นมื่น หลังโทรฯเคลียร์ใจกรณีฝรั่งเศสวืดสัญญาเรือดำน้ำทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ได้สนทนากันทางโทรศัพท์ในวันนี้ โดยการเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น และฝรั่งเศสจะส่งเอกอัครราชทูตกลับมาประจำการในสหรัฐในสัปดาห์หน้า 
  • (-) ดอลล์แข็งค่า หลังเฟดส่งสัญญาณลด QEดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในไม่ช้า  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.29% แตะที่ 93.4733 เมื่อคืนนี้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.85 เยน จากระดับ 109.22 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9268 ฟรังก์ จากระดับ 0.9235 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2780 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2812 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1691 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1726 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3613 ดอลลาร์ จากระดับ1.3662 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7239 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7235 ดอลลาร์
  • (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 338.48 จุด ขานรับเฟดไม่ระบุไทม์ไลน์หั่น QEดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า300 จุดเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ระบุไทม์ไลน์ที่ชัดเจนในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยส่งสัญญาณเพียงว่าจะปรับลด QE ในไม่ช้านี้ ซึ่งต่างจากที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ว่าเฟดจะส่งสัญญาณปรับลด QE ในเดือนพ.ย.  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,258.32 จุด เพิ่มขึ้น 338.48 จุด หรือ +1.00% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,395.64 จุด เพิ่มขึ้น 41.45 จุด หรือ +0.95% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,896.85 จุด เพิ่มขึ้น 150.45 จุด หรือ +1.02
  • (-) ‘เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป’ ตกลงชำระหนี้ดอกเบี้ย-ช่วยผ่อนคลายความกังวลผลกระทบลูกโซ่ต่อธุรกิจอื่นของจีนเอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป (Evergrande Group) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน ตกลงที่จะชำระหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้ของตนในวันพุธตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ธนาคารกลางจีนเร่งอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบธนาคารของประเทศ ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบเป็นลูกโซ่จากสถานภาพทางการเงินอันง่อนแง่นของธุรกิจชั้นนำแห่งนี้ต่อภาคธุรกิจอื่นๆ คลี่คลายลงไปบ้าง ตามรายงานของสำนักข่าว รอยเตอร์

ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More