Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 28 ม.ค.64 (YLG)

- Advertisement -

300

- Advertisement -

คำแนะนำ :

ราคา “ทองคำ” แกว่งตัวในกรอบในทิศทางอ่อนตัวลง หากราคาจะทดสอบแนวต้าน 1,844-1,853 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไม่สามารถผ่านได้ให้แบ่งขายทำกำไร ราคาอาจอ่อนตัวลงประเมินแนวรับโซน 1,821-1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,821 1,800 1,788  แนวต้าน : 1,853 1,875 1,896

สรุป

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 6.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ปัจจัยหลักที่กดดันราคาทองคำมาจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์  หลังจากนักลงทุนเทขายของหุ้นสหรัฐในวงกว้าง  ทั้งนี้  แรงขายในตลาดหุ้นเกิดขึ้นหลังจากที่หุ้น GameStop Corp และ AMC Entertainment Holdings Inc พุ่งขึ้นกว่า 2 เท่าในวันพุธและปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจากแรงซื้อของนักลงทุนรายย่อย 

- Advertisement -

นั่นทำให้กองทุน Hedge funds หลายกองที่ทำการชอร์ตหุ้นเหล่านั้นไว้ต้องเผชิญกับภาวะขาดทุนหลายหมื่นล้านบาทจนกระตุ้นให้เกิดแรงขายในหลักทรัพย์อื่นๆจากความต้องการเงินสด  เพื่อชดเชยผลขาดทุนจากสถานะชอร์ต  สถานการณ์ดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อสกุลเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย  นอกจากนี้นักลงทุนบางส่วนยังเข้าซื้อดอลลาร์เพิ่มเติม  หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) แสดงความวิตกเกี่ยวกับเส้นทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐอีกด้วย  ปัจจัยที่กล่าวมาหนุนให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์  จนเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาทองคำให้ร่วงลงแตะ Low 1,831.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แม้ว่าผลการประชุมเฟดจะบ่งชี้ว่า

“นโยบายการเงินของสหรัฐจะยังคงผ่อนคลายต่อไปก็ตาม”  ทั้งนี้  เฟดมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ตามคาด  และจะเข้าซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการ QE อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือนต่อไปจนกว่าจะมี “ความคืบหน้าอย่างมาก” ไปสู่เป้าหมายการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ  ส่วนประธานเฟดยังคงเน้นย้ำอีกครั้งว่า “ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการลดการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการ QE(QE tapering)” ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -3.21 ตัน 

สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยประมาณการครั้งแรกจีดีพีช่วงไตรมาส 4/2020, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจาก Conference Board และยอดขายบ้านใหม่

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเตือนภัยคุกคามจากม็อบหนุนทรัมป์ก่อการร้ายภายในประเทศ  กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิออกแถลงการณ์ระบุว่า สหรัฐกำลังเผชิญภัยคุกคามที่รุนแรงขึ้นจากการก่อการร้ายภายในประเทศ จากผู้ที่มีความไม่พอใจต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว  แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์กลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 ม.ค.เพื่อขัดขวางกระบวนการประกาศชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย  อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงฯไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการก่อการร้ายใดๆ แต่ระบุว่าสหรัฐยังคงเผชิญภัยคุกคามดังกล่าวต่อไปอีกหลายสัปดาห์ จากกลุ่มหัวรุนแรงที่ไม่พอใจต่อการที่รัฐบาลประกาศใช้มาตรการคุมเข้มเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการที่ตำรวจใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุม
  • (-) ดอลล์แข็งค่า รับแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัยหลังเฟดกังวลศก.  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินที่ปลอดภัย หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.53% แตะที่ 90.6500 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 104.16 เยน จากระดับ 103.64 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8893 ฟรังก์ จากระดับ 0.8865 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2795 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2695 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2100 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2164 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3683 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3732 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7663 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7747 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานปรับตัวขึ้นเดือนที่ 8 ในธ.ค.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนธ.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากพุ่งขึ้น 1.0% ในเดือนพ.ย.
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดร่วง 633.87 จุด ผิดหวังผลประชุมเฟด-หุ้นโบอิ้งฉุดตลาด  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) ทำสถิติดิ่งลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ประกาศมาตรการใหม่ๆในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้เฟดมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นโบอิ้ง ซึ่งเป็น 1 ใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,303.17 จุด ร่วงลง 633.87 จุด หรือ -2.05% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,750.77 จุด ลดลง 98.85 จุด หรือ -2.57% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,270.60 จุด ร่วงลง 355.47 จุด หรือ -2.61%
  • (+/-) เฟดคงดอกเบี้ยตามคาด ยันเดินหน้าทำ QE  คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในวันนี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกของเฟดในปีนี้  นอกจากนี้ เฟดระบุว่าจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงินรวม 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 8 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน  แถลงการณ์หลังการประชุมของเฟดระบุว่า เฟดจะยังคงใช้เครื่องมือทุกอย่างในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเพื่อให้มีการจ้างงานเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพของราคา  เฟดยังระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กำลังส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วสหรัฐและทั่วโลก ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงานชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และพัฒนาการของวัคซีนต้านโควิด-19
  • (+/-) “โบอิ้ง” เผยขาดทุนสูงกว่าคาดในไตรมาส 4/63 จากพิษโควิด  บริษัทโบอิ้งเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 4/2563 ในวันนี้ โดยบริษัทประสบภาวะขาดทุนติดต่อกัน 5 ไตรมาส จากผลกระทบของการชะลอการผลิตเครื่องบิน ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งการที่เครื่องบินรุ่น 737 MAX ถูกสั่งห้ามบิน หลังจากที่เครื่องบิน 2 ลำของรุ่นดังกล่าวได้ประสบอุบัติเหตุในปี 2561 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 346 คน  ทั้งนี้ โบอิ้งเปิดเผยว่า บริษัทมีตัวเลขขาดทุน 15.25 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.80 ดอลลาร์/หุ้น  นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ลดลง 37% สู่ระดับ 1.507 หมื่นล้านดอลลาร์ สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ 

- Advertisement -

ขอขอบคุณ  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More