Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 11 ม.ค.64 (YLG)

- Advertisement -

286

- Advertisement -

คำแนะนำ :

หากราคาทดสอบแนวต้าน 1,838-1,847 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้ให้แบ่งขายทำกำไร แต่ถ้าผ่านได้ให้รอขายบริเวณ 1,866  ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไป อย่างไรก็ตามหากไม่ผ่านแนวต้านแรก ประเมินแนวรับโซน 1,806-1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,800 1,782 1,765  แนวต้าน : 1,847 1,866 1,887

สรุป

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาดิ่งลงอย่างหนักโดยปิดปรับตัวลดลง -4% หรือ  65.7  ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปรับตัวลดลงในรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว พร้อมกับปรับตัวลดลงมากถึง 130 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับสูงสุดในระหว่างสัปดาห์บริเวณ 1,959 ดอลลาร์ต่อออนซ์สู่ระดับต่ำสุดในวันศุกร์  ทั้งนี้  ทองคำได้รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างๆอาทิ  (1.) แรงขายทางเทคนิค  หลังจากราคาหลุดบริเวณ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งเป็นแนวรับทางจิตวิทยา  หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน  หลุดกรอบแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น และหลุดลงมาเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway Down ในระยะกลางอีกครั้ง  นั่นส่งผลให้เกิดแรงขายทางเทคนิค(Sell Stop) เพิ่มเติม (2.) การแข็งค่าของดอลลาร์  หลังการเปิดเผยว่าอัตราการว่างงานสหรัฐทรงตัวที่ระดับ 6.7% ในเดือนธ.ค. ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้นเกินคาดที่ 0.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แม้การจ้างงานนอกภาคเกษตรจะลดลง 140,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค.ก็ตาม (3.) แรงขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  หนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1.1% ในวันศุกร์ จนกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ย และ (4.) การทะยานขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ  จากการคาดการณ์ว่ารัฐบาลของนายไบเดนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังและการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น  ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ราคาทองคำดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,828.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  ขณะที่เช้านี้  ราคาทองปรับตัวต่อทำระดับต่ำสุดใหม่บริเวณ 1,817 ดอลลาร์ต่อออนซ์  สำหรับวันนี้ไม่มีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

- Advertisement -

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) เดโมแครตเตรียมถอดถอนทรัมป์สัปดาห์หน้า หลังปลุกม็อบบุกสภาคองเกรส  นางแคทเธอรีน คล้าก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งเป็นแกนนำคนหนึ่งของพรรคเดโมแครต กล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎรจะดำเนินกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในสัปดาห์หน้า ถ้าหากรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และคณะรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะดำเนินการดังกล่าว  ทางด้านนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลัง และนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กำลังหารือกันเพื่อผลักดันให้มีการใช้บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 เพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ  ส่วนนายชัค ชูเมอร์ แกนนำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาสหรัฐ เรียกร้องเช่นกันให้มีการปลดปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง หลังจากที่เขาได้ยุยงปลุกปั่นให้กลุ่มผู้สนับสนุนของเขาบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา เพื่อขัดขวางกระบวนการประกาศรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน
  • (+) “คิม จอง อึน” ไม่สน “ไบเดน” ประกาศกร้าว สหรัฐเป็นศัตรูรายใหญ่สุดของเกาหลีเหนือ  สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) รายงานในวันนี้ว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้เรียกร้องให้สหรัฐยุติการดำเนินนโยบายที่เป็นปรปักษ์กับเกาหลีเหนือ  ทั้งนี้ นายคิมกล่าวในการประชุมสภาคองเกรสพรรคแรงงานครั้งที่ 8 ว่า การยุติความเป็นปรปักษ์ของสหรัฐ จะเป็นปัจจัยสำคัญต่ออนาคตความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐ  นอกจากนี้ นายคิมยังได้เรียกร้องให้มีการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ที่ก้าวล้ำมากขึ้น และระบุว่า “สหรัฐเป็นศัตรูรายใหญ่ที่สุดของเรา” ซึ่งนับเป็นการแสดงความท้าทายอย่างมากต่อนายโจ ไบเดน ซึ่งจะเข้าพิธีรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ในวันที่ 20 ม.ค.นี้
  • (-) ดอลล์แข็งค่า ขานรับสหรัฐเล็งกระตุ้นศก.หลายล้านล้านดอลล์  ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับแนวโน้มที่รัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่อ่อนแอของสหรัฐจะเป็นปัจจัยผลักดันให้รัฐบาลสหรัฐชุดใหม่เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากโรคโควิด-19 ด้วย  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.32% แตะ 90.1200 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.93 เยน จากระดับ 103.86 เยน, แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8865 ฟรังก์ จากระดับ 0.8849 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2711 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2685 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2212 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2268 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3560 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3570 ดอลลาร์
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 56.84 จุด ขานรับไบเดนเล็งกระตุ้นศก.หลายล้านล้านดอลล์  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับความหวังเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มเติม หลังจากนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐเปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเขาจะมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งตลาดได้ดีดตัวขึ้นขานรับความเห็นดังกล่าว หลังจากที่ปรับตัวลงในช่วงแรกจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ลดลงสวนทางคาดการณ์  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,097.97 จุด เพิ่มขึ้น 56.84 จุดหรือ +0.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,824.68 จุด เพิ่มขึ้น 20.89 จุดหรือ +0.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,201.98 จุด เพิ่มขึ้น 134.50 จุดหรือ +1.03%
  • (-) บอนด์ยีลด์สหรัฐดีดเหนือ 1.10% แม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรวูบ  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวเหนือระดับ 1.10% ในวันนี้ แม้มีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ซบเซา  ณ เวลา 23.05 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.103% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.2563 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.873%  ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
  • (+/-)โควิดทุบตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรวูบหนัก ดิ่งลงครั้งแรกรอบ 8 เดือน  กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลง 140,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง   ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก ท่ามกลางการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของไวรัสโควิด-19   ก่อนหน้านี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย.  ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 6.7% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.8%   ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More