Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 10 ธ.ค.63 (YLG)

- Advertisement -

308

- Advertisement -

คำแนะนำ :

ระยะสั้นหากราคาทดสอบแนวต้าน 1,849 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้ให้แบ่งขายทำกำไร แต่ถ้าผ่านได้ให้รอขายบริเวณ 1,860 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ตามหากไม่ผ่าน ประเมินแนวรับที่ 1,826-1,823 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,823 1,806 1,789  แนวต้าน : 1,849 1,860 1,857

สรุป

ราคาทองคำวานนี้ปิดดิ่งลงถึง 30.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากข่าวความคืบหน้าของวัคซีนต้าน COVID-19 หลังจากวานนี้อังกฤษได้เริ่มโครงการฉีดวัคซีนต้าน COVID-19 ครั้งใหญ่ให้แก่ประชาชนวานนี้ โดยเริ่มจากกลุ่มผู้สูงอายุ และบุคลากรทางการแพทย์  ซึ่งการฉีดวัคซีนดังกล่าวได้ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศต่างๆ ขณะที่เกิดแรงขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นกัน  จนหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งสูงขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยกดดันทองคำในฐานะสินทรัยพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยเพิ่มเติม  ประกอบกับสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น  หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาด  อาทิ  ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานเพิ่มขึ้นระดับ 6.65 ล้านตำแหน่งในเดือนต.ค.และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งที่พุ่งขึ้นเกินคาดถึง 1.1% ในเดือนต.ค.  นอกจากนี้ยังมีแรงซื้อคืนดอลลาร์ จากความวิตกเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐที่อาจเผชิญกับความล่าช้าและไม่แน่นอน  หลังจากสมาชิกสภาคองเกรสยังมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับการจัดสรรเงินช่วยเหลือรัฐบาลท้องถิ่นในรัฐต่างๆ โดยพรรคเดโมแครตต้องการให้มีการจัดสรรเงินสนับสนุนดังกล่าว แต่พรรครีพับลิกันแสดงท่าทีคัดค้าน  ปัจจัยที่กล่าวมาอยู่เบื้องหลังการเทขายทองคำ  และทำให้ราคาทองคำร่วงลงแรงจนแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,826.15  ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างวัน  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้จับตาผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) รวมถึงการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ

- Advertisement -

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 105.07 จุด กังวลมาตรการกระตุ้นศก.ล่าช้า,หุ้นเทคโนฯร่วง  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอาจเผชิญกับความล่าช้าและไม่แน่นอน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นเฟซบุ๊กที่ดิ่งลงหลังจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐยื่นฟ้องเฟซบุ๊กในข้อหาผูกขาดตลาด  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,068.81 จุด ลดลง 105.07 จุด หรือ -0.35% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,672.82 จุด ลดลง 29.43 จุด หรือ -0.79% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,338.95 จุด ลดลง 243.82 จุด หรือ -1.94%      
  • (+) แกนนำสว.สหรัฐคาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคืบหน้า 90% วันนี้  นายโจ แมนชิน วุฒิสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครต กล่าวว่า เขาคาดหวังว่าสมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันจะสามารถเห็นพ้องกันในวันนี้เกี่ยวกับรายละเอียดส่วนใหญ่ของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19   “ขณะนี้สมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันต่างก็ต้องการบรรลุข้อตกลง ซึ่งเราคาดว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะแล้วเสร็จ 90% ในวันนี้” นายแมนชินกล่าว
  • (+) อังกฤษเตือนผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ควรเลี่ยงวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์  สำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ (NHS) เปิดเผยว่า ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ควรหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค หลังจากมีรายงานว่ามีผู้ที่เกิดอาการข้างเคียง หลังได้รับวัคซีนดังกล่าว  ทั้งนี้ อังกฤษได้เริ่มโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครั้งใหญ่ให้แก่ประชาชนวานนี้ โดยเริ่มจากกลุ่มผู้สูงอายุ และบุคลากรทางการแพทย์  อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า พนักงาน 2 รายของ NHS มีอาการแพ้ หลังจากได้รับวัคซีนดังกล่าว  “เจ้าหน้าที่ขอแนะนำให้ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ควรหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนดังกล่าว หลังจากเกิดกรณีผู้ที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ 2 รายเกิดผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนวานนี้” นายสตีเฟน โพวิส ผู้อำนวยการ NHS กล่าว  นายโพวิสกล่าวเสริมว่า ผู้ที่มีอาการแพ้ทั้งสองรายเริ่มมีอาการดีขึ้นในขณะนี้
  • (-) สหรัฐเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้น 158,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.  สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานเพิ่มขึ้น 158,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 6.65 ล้านตำแหน่งในเดือนต.ค.
  • (-) บอนด์ยีลด์สหรัฐดีดตัว นักลงทุนขายพันธบัตร หลังคืบหน้าวัคซีน,มาตรการกระตุ้นศก.  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนพากันขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 และแนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ  ณ เวลา 23.30 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 0.941% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.686%  ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
  • (-) สหรัฐเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนต.ค.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนก.ย.  เมื่อเทียบรายปี สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งร่วงลง 2.2% ในเดือนต.ค.
  • (-) ดอลล์แข็งค่า นลท.ซื้อสกุลเงินปลอดภัยหลังวิตกผลกระทบโควิด  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างอังกฤษ และสหภาพยุโรป (EU)  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.15% สู่ระดับ 91.0892  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 104.22 เยน จากระดับ 104.18 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8898 ฟรังก์ จากระดับ 0.8893 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐทรงตัวที่ระดับ 1.2819 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2073 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2103 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3394 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3352 ดอลลาร์

(+/-) สภาผู้แทนฯสหรัฐผ่านร่างกม.งบประมาณชั่วคราว ช่วยหน่วยงานรัฐบาลเลี่ยงชัตดาวน์ 1 สัปดาห์  สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 343 ต่อ 67 เสียง ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล (ชัตดาวน์) เป็นเวลา 1 สัปดาห์ โดยการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลมีงบประมาณในการดำเนินงานต่อไปได้จนถึงวันที่ 18 ธ.ค.นี้ และยังช่วยให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีเวลามากขึ้นในการเจรจาข้อตกลงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 

ขอขอบคุณ  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More