Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 12 พ.ย.63 (HGF)

- Advertisement -

191

- Advertisement -

กองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำ 9.05 ตัน

คืนนี้สหรัฐจะประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,850-1,885 ดอลลาร์

  • ราคาทองคำ Spotเมื่อวานปรับลดลง เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและตลาดหุ้นสหรัฐสดใสกดดันต่อราคาทองคำเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์ นอกจากนี้ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมายังปรับขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะดัชนี Nasdaq ที่เพิ่มขึ้นกว่า 2% ทำให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำ 9.05 ตันเมื่อวาน และสัปดาห์นี้ขายทองคำสูงถึง 19.56 ตัน
  • ประเด็นที่คาดจะกระทบต่อราคาทองคำในช่วงนี้ ได้แก่ การเมืองสหรัฐ ซึ่งมีประเด็นกล่าวหาเรื่องการทุจริตการนับคะแนนผลการเลือกตั้ง การเปลี่ยนผ่านตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจะเป็นไปอย่างราบรื่นหรือไม่แรงซื้อขายทองคำจากกองทุน SPDRการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ส่วนคืนนี้สหรัฐจะประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 730,000 รายดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค.ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากที่เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.2%
  • แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ  1,850-1,885  ดอลลาร์ ทองคำมีแนวรับ1,860ดอลลาร์และแนวรับสำคัญ1,850ดอลลาร์ที่เป็นจุดต่ำสุดที่ทำไว้ในวันที่ 24 ก.ย. ถ้าหลุดแนวรับดังกล่าวจะมีแนวรับถัดไป 1,837 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 1,885ดอลลาร์ และ 1,900 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

- Advertisement -

Closechg.SupportResistance
1,864.61-11.991,860/1,8501,885/1,900

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
26,950-20026,650/26,55027,000/27,200

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
26,830-22026,780/26,65027,100/27,310

- Advertisement -

แนะนำเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวที่ราคาทองคำ Spot 1,850 ดอลลาร์ (GF 26,780 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,840 ดอลลาร์ (GF 26,650 บาท)

การลงทุนในทองแท่งแนะนำทยอยซื้อสะสมที่ราคาทองคำ Spot 1,850 ดอลลาร์

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,866.60-15.101,863/1,8531,888/1,903

แนะนำเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวที่ราคาGOZ201,853 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,843 ดอลลาร์

เงินบาท

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเนื่องจากเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ถึงแม้ว่าดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ ซึ่ง USD Futures เดือนธ.ค.63 คาดจะมีแนวรับที่ 30.20 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 30.35 บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ:ดอลล์แข็งค่ารับความหวังวัคซีนต้านโควิดคืบหน้า

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (11 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงหลังจากสภาผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจของเยอรมนี (GCEE) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะหดตัวลงกว่า 5% ในปีนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.32% แตะที่ระดับ 93.0452 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ:ทองปิดลบ $14.8 เหตุดอลล์แข็งกดดันตลาด

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (11 พ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์นอกจากนี้การที่ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงอยู่ในทิศทางที่สดใสโดยเฉพาะดัชนีNasdaq ที่พุ่งขึ้นกว่า 2% ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 14.8 ดอลลาร์หรือ 0.79% ปิดที่ 1,861.6  ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 19.5 เซนต์หรือ 0.8% ปิดที่ 24.267 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ:น้ำมันWTI ปิดบวก 9 เซนต์ขานรับวัคซีนต้านโควิดคืบหน้า

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (11 พ.ย.) โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมทั้งรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 9 เซนต์หรือ 0.2% ปิดที่ 41.45 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 19 เซนต์หรือ 0.4% ปิดที่ 43.80 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ: ดาวโจนส์ปิดลบ 23.29 จุดหวั่นโควิดระบาดหนักฉุดเศรษฐกิจ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (11 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐจนทำให้หลายรัฐประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดอย่างไรก็ดีดัชนีNasdaq พลิกกลับมาปิดตลาดในแดนบวกเนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,397.63 จุดลดลง 23.29 จุดหรือ -0.08% ขณะที่ดัชนีS&P500 ปิดที่ 3,572.66 จุดเพิ่มขึ้น 27.13 จุดหรือ +0.77% ส่วนดัชนีNasdaq ปิดที่ 11,786.43 จุดเพิ่มขึ้น 232.57 จุดหรือ +2.01%

ไบเดนตำหนิทรัมป์ทำตัวน่าอับอายไม่ยอมรับความพ่ายแพ้

นายโจไบเดนว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐออกโรงตำหนิประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมาว่าเป็นการกระทำที่ “น่าอับอาย” นอกจากนี้นายไบเดนยังเมินกระแสความวิตกกังวลที่ว่าพฤติกรรมของปธน.ทรัมป์อาจทำการเปลี่ยนผ่านตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนม.ค.ไม่ราบรื่นนายไบเดนกล่าวว่า “พูดตรงๆก็คือผมคิดว่านี่เป็นเรื่องน่าอับอายและผมคิดว่าการกระทำแบบนั้นไม่ได้ช่วยให้ภาพพจน์ประธานาธิบดีดูดีขึ้นเลย”  ปธน.ทรัมป์อ้างว่าตนถูกโกงด้วยบัตรเลือกตั้งที่ผิดกฎหมายโดยกล่าวถึงบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ที่ปธน.ทรัมป์ระบุว่าง่ายต่อการปลอมผลโหวตนอกจากนี้ปธน.ทรัมป์ยังยืนยันด้วยว่าในบางพื้นที่ผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งของพรรครีพับลิกันถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไปสังเกตกระบวนการนับคะแนนสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่าความขัดแย้งดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าอาจทำให้กระบวนการเปลี่ยนผ่านตำแหน่งประธานาธิบดีมีความซับซ้อนโดยปธน.ทรัมป์ปฏิเสธที่จะลงนามในเอกสารสำคัญที่ยอมให้ทีมของนายไบเดนเข้าถึงเงินทุนเจ้าหน้าที่และพื้นที่สำนักงานของรัฐบาลได้อย่างไรก็ตามนายไบเดนกล่าวว่าการเปลี่ยนผ่านตำแหน่งประธานาธิบดีกำลังเป็นไปด้วยดีและการไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ของปธน.ทรัมป์ไม่ได้มีผลต่อกระบวนการนั้น     “เรากำลังเดินหน้าไปด้วยดีเรากำลังรวบรวมคณะทำงานของเราในทำเนียบขาวและตรวจสอบว่าจะเลือกใครเข้ารับตำแหน่งใดในคณะรัฐมนตรีและไม่มีอะไรจะหยุดเรื่องนี้ได้” นายไบเดนกล่าว

เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐแห่ลาออกหลังทรัมป์สั่งปลดรัฐมนตรี

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐหลายรายได้ยื่นลาออกเมื่อวานนี้หนึ่งวันหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ของสหรัฐได้สั่งปลดนายมาร์กเอสเปอร์รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐออกจากตำแหน่งแถลงการณ์ระบุว่าเจ้าหน้าที่ที่ลาออกนั้นมีทั้งนายเจมส์แอนเดอร์สันรักษาการปลัดกระทรวงฝ่ายนโยบายรวมถึงนายโจเซฟเคอร์แนนปลัดกระทรวงฝ่ายข่าวกรองและความมั่นคงและเจนสจ๊วตเสนาธิการประจำรัฐมนตรีกลาโหมส่วนนายเดวิดนอร์ควิสต์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม “ยังคงดำรงตำแหน่งและจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไป”    ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ของสหรัฐได้สั่งปลดนายมาร์กเอสเปอร์รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐขณะที่ทรัมป์เหลือเวลาในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่เขาพ่ายแพ้ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ให้กับนายโจไบเดนผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความว่า “มาร์กเอสเปอร์พ้นจากตำแหน่งแล้ว” พร้อมประกาศแต่งตั้งนายคริสโตเฟอร์มิลเลอร์ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติให้ปฏิบัติหน้าที่รักษาการรมว.กลาโหมแทนด้านพรรคเดโมแครตกล่าวว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทรัมป์เป็นการส่งสัญญาณที่อันตรายต่อฝ่ายตรงข้ามของอเมริกาและส่งผลกระทบต่อความหวังเกี่ยวกับการถ่ายโอนอำนาจอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยให้กับนายโจไบเดนว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐโดยทรัมป์ยังไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งและได้ยื่นคัดค้านผลการเลือกตั้งไปแล้วในชั้นศาลนายอดัมสมิธสมาชิกพรรคเดโมแครตและประธานคณะกรรมาธิการด้านอาวุธของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเปิดเผยว่าการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมลาออกในช่วงเวลาถ่ายโอนอำนาจนั้นเป็นเรื่องอันตรายมาก

นักเศรษฐศาสตร์เตือนวัคซีนต้านโควิดไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้นทันที

คาร์ลแทนเนนโบมหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากนอร์เทิร์นทรัสต์ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่าวัคซีนโควิด-19 ไม่ได้เป็นยาวิเศษที่จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวแข็งแกร่งได้ในทันทีโดยไม่ควรพึ่งพาความก้าวหน้าเรื่องวัคซีนอย่างเดียวแต่เศรษฐกิจจำเป็นต้องมีการเพิ่มการสนับสนุนทางการคลังด้วยถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นเนื่องจากไฟเซอร์อิงค์บริษัทยารายใหญ่สุดของสหรัฐและไบโอเอ็นเทคบริษัทยาของเยอรมนีแถลงความคืบหน้าครั้งใหญ่ในการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19นักเศรษฐศาสตร์รายนี้แสดงความเห็นว่าข่าววัคซีนและตัวเลขการจ้างงานที่ดีกว่าคาดในสหรัฐเป็นปัจจัยที่ดีสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมด้วยเพราะหากพิจารณาในแง่ของการจ้างงานยังมีชาวอเมริกันจำนวนมากที่ไม่มีงานทำขณะที่หน่วยงานรัฐก็ไม่มีงบประมาณมากพอจนทำให้ต้องมีการเลิกจ้างและเลิกให้บริการบางอย่างซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ


ขอขอบคุณ  : 
บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More