นักวิเคราะห์ มองดอกเบี้ย FED อาจไม่ถึง 5.1% หาก ศก.ทรุด และเงินเฟ้อลดลงอีก
ตลาดทองคำ กำลังเผชิญกับแรงเทขายทางเทคนิค แต่ยังคงมีแนวรับที่สูงกว่า $1,800 หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยสุดท้ายให้สูงกว่า 5% ในปี 2566
ทั้งนี้ ในการประชุม FOMC เดือน ธ.ค. ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เป็นระหว่าง 4.25% ถึง 4.50% แม้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะชะลอตัวลง แต่เฟดระบุจะยังคงมีความเข้มงวดนโยบายการเงินต่อไปในปี 2566
โดยในแถลงการณ์ของการประชุมระบุว่า คณะกรรมการฯ คาดการณ์ว่า การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เพียงพอที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาอยู่ที่ร้อยละ 2 พร้อมระบุความล่าช้าของนโยบายการเงินอาจจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ และการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการเงิน
ขณะที่ ใน dot plot บ่งชี้ว่า อัตราดอกเบี้ยของ Fed Funds จะเพิ่มขึ้นเป็น 5.1% ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ในเดือน ก.ย. ที่ 4.6%
นอกจากนั้น ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม เฟดมองว่า อัตราดอกเบี้ยของ Fed Funds จะลดลงเหลือ 4.1% ในปี 2024 และจากนั้นจะลดลงเหลือ 3.1% ในปี 2025
![](https://pbs.twimg.com/profile_images/679042750491201536/SqZjU2O0_400x400.png)
Adam Button, head of currency strategy ของ Forexlive.com กล่าวว่า
ตัวเลขประมาณดอกเบี้ยที่สูงขนาดนี้ ไม่ส่งผลดีต่อราคาทองคำในระยะยาว และผลจากการประชุมครั้งนี้อาจจะได้เห็นการขายหุ้นและซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มากขึ้น
ด้าน Paul Ashworth, chief North American Economist ของ Capital Economics กล่าวว่า
การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของกรรมการเฟดแต่ละคน แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่จะทำให้อัตราดอกเบี้ยจะยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า เช่น เจมส์ บุลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เซนต์หลุยส์ และ นีล แคชคารี ประธานเฟด มินนิอาโปลิส ต่างก็มองว่า อัตราดอกเบี้ยเฟดจะสูงถึง 5.75% ในปีหน้า
อย่างไรก็ดี Paul Ashworth มองว่า แม้กรรมการเฟดจะหนุนการขึ้นดอกเบี้ย แต่ต้องมาดูว่า สิ่งที่ทำในเดือนนี้ คือการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และหากตัวเลขเงินเฟ้อในต้นปีหน้ายังคงลดลงอีก ก็อาจจะทำให้เฟดต้องกลับมาทบทวนแนวทางอีกรอบ ซึ่งยังมองว่า อาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 25bp ในต้นเดือน ก.พ.
ขณะที่ Katherine Judge senior economist ของ CIBC กล่าวว่า CIBC ยังคงคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ไว้เช่นเดิม
โดยมองว่าข่าวที่เกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อในอนาคต จะทำให้คณะกรรมการเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ระบุไว้
Katherine Judge คาดว่า จะเห็นอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมากพอที่จะทำให้ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 50 bps ซึ่งจะทำให้เพดานอัตราดอกเบี้ยรวม เหลือ 5.0% ต่ำกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้เล็กน้อย
อีกประเด็นที่น่าสนใจในการประชุมครั้งนี้ คือ แม้เฟดจะส่งสัญญาณความเข้มงวดของนโยบายการเงินเพิ่มเติม แต่กลับลดการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2566
โดยมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโต 0.5% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการคาดการณ์ในเดือน ก.ย. ที่ 0.2%
อย่างไรก็ตาม เฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2566 สู่ระดับ 0.5% จากเดิมที่ระดับ 1.2% และคาดว่าจะขยายตัว 1.6% และ 1.8% ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ ขณะที่ การขยายตัวในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 1.8%
ส่วนอัตราการว่างงาน เฟดคาดว่าจะแตะระดับ 3.7% ในสิ้นปีนี้ ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 3.8% และเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.6% ทั้งในปี 2566 และ 2567 ก่อนที่จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 4.5% ในปี 2568 ขณะที่อัตราว่างงานระยะยาวอยู่ที่ 4.0%
สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เฟดคาดว่าจะแตะระดับ 4.8% ในสิ้นปีนี้ เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิม ที่ระดับ 4.5% และจะชะลอตัวสู่ระดับ 3.5%, 2.5% และ 2.1% ในปี 2566, 2567 และ 2568 ตามลำดับ
สำหรับรายละเอียดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2565 เป็นดังนี้ วันที่ 25-26 ม.ค. คงดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% , วันที่ 15-16 มี.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.25-0.50% , วันที่ 3-4 พ.ค.ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% สู่ 0.75-1.00%
วันที่ 14-15 มิ.ย. ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 1.50-1.75% , วันที่ 26-27 ก.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 2.25-2.50% , วันที่ 20-21 ก.ย. ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 3.00-3.25% ,วันที่ 1-2 พ.ย.ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 3.75-4.00% และวันที่ 13-14 ธ.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% สู่ 4.25-4.50%
ส่วนคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของเฟด ในปี 2566-2568 เป็นดังนี้ ปี
2566 คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 5.00-5.25%, ปี 2567 คาดลดดอกเบี้ย 1.00% สู่ 4.00-4.25% และปี 2568 คาดลดดอกเบี้ย 1.00% สู่ 3.00-3.25%
ข้อมูลอ้างอิง : Kitco.com
Comments are closed.