- Advertisement -

ทิศทางราคาทองคำครึ่งปีหลัง 2566 จะไปทางไหน?

พูดคุยกับ คุณศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บจ.ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

ทองคำครึ่งปีแรกผลงานยอดเยี่ยม ครึ่งปีหลังจับตา 3 ประเด็นสำคัญ ดอกเบี้ย – ความขัดแย้ง – ศก.ถดถอย

ดำเนินรายการโดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com

.

- Advertisement -

.

รับชมคลิป ทิศทางราคาทองคำครึ่งปีหลัง 2566 จะไปทางไหน?

คุณศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บจ.ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวกับ GoldAround ว่า

ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ถือว่าทองคำทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งราคา gold spot และราคาทองคำแท่งในประเทศ

โดยราคา gold spot ได้ขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาลที่ 2,078 ดอลลาร์ เช่นเดียวกับราคาทองคำในประเทศได้ทำสถิติสูงสุดเช่นกันที่ บาทละ 32,850 บาท

- Advertisement -

สำหรับปัจจัยหนุนที่ทำให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงไตรมาสแรก มีหลายเรื่องทั้งเป็นช่วงไฮซีซั่น และตลาดมองว่าเฟดน่าจะยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นหลังประชุมเดือน พ.ค.นี้

นอกจากนั้น ยังมีเรื่องของวิกฤตภาคธนาคารทั้งในฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป เรื่องของเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย เรื่องการเพิ่มเพดานหนี้ของอเมริกา

จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงไตรมาส 2 สถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนแปลง แต่ประเด็นหลักที่มากดดันทองคำก็จะอยู่ที่นโยบายของเฟด

ซึ่งหลังจากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ เดือน พ.ค. ประธานเฟดระบุว่า อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ เพราะอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ระดับ 4% เหนือกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2 %

ทำให้ทองคำถูกเทขายทำกำไร ประกอบกับดอกเบี้ยของธนาคารยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ส่งผลให้เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น และทำให้ผลตอบแทนของ gold spot จากที่ไตรมาสแรกอยู่ระดับ 8% ลดลงไป 2.5%

แต่ทองคำแท่ง 96.5 ยังแข็งแกร่ง จากที่ไตรมาสแรกให้ผลตอบแทนที่ระดับ 7% และไตรมาส 2 ยังบวก 0.6% โดยได้เงินบาทอ่อนค่ามาหนุนไว้

ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลัง มองว่า แม้ว่าราคาทองคำจะถูกกดดันจากเรื่องของนโยบายการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่าง ๆ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ แต่ก็อาจจะส่งผลกระทบไม่มากนัก เพราะตลาดได้รับข่าวไประดับหนึ่งแล้ว ในทางกลับกัน หากว่าเฟดไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยตามที่ระบุไว้ได้ ก็อาจจะส่งผลดีต่อราคาทองคำได้เช่นกัน

นอกจากนั้น ยังต้องจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งถือเป็นประเด็นหลักที่หนุนราคาทองคำ ไม่ว่าจะเป็นสงคราม รัสเซีย-ยูเครน ซึ่งมองว่าจะไม่จบลงง่าย ๆ และความขัดแย้งระหว่าง สหรัฐฯ กับจีน ที่ยังคงมีประเด็นให้ได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเรื่องของความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย

กลยุทธ์การลงทุน gold spot ในช่วงครึ่งปีหลัง ทางฮั่วเซ่งเฮงมองว่า ภาพในทางเทคนิคยังเป็นขาลงอยู่ เพราะที่ผ่านมาราคาได้ทำจุดสูงสุดและต่ำสุดลดลงอย่างต่อเนื่อง และในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน มิ.ย. ราคาได้หลุดแนวรับจิตวิทยาสำคัญที่ระดับ 1,900 ดอลลาร์ ลงมาได้

อย่างไรก็ดี ในระยะสั้นราคาอาจจะปรับตัวลดลงในกรอบที่จำกัด โดยจะมีแนวรับแถว 1,890 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับเส้นเทรนด์ไลน์ แต่หากหลุดลงไปได้ แนวรับถัดไปจะอยู่แถว 1,860 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับเส้น SMA 200 วัน

ดังนั้น จึงแนะนำให้ค่อย ๆ ทยอยซื้อสะสม แถว 1,900-1,890 ดอลลาร์ โดยซื้อไปบางส่วน และหากราคาได้ปรับตัวลงมาถึง 1,860 ดอลลาร์ หรืออาจจะลงไปแถว 1,820-1,800 ดอลลาร์ จึงค่อยเพิ่มปริมาณในการลงทุน

ส่วนแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1,945 ดอลลาร์ และแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,983 ดอลลาร์ แต่มองว่ารอบนี้ราคาไม่น่าทะลุ 2,000 ดอลลาร์ ขึ้นไปได้ หรือจะขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ ยกเว้นจะเกิดเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย

ส่วนการลงทุนทองคำ 96.5 ถือว่าคาดการณ์ได้ยาก เพราะปีนี้เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนมาก โดยไตรมาสแรกเงินบาทมากอยู่แถว 33 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนที่จะมาอ่อนค่าในช่วงไตรมาสที่ 2 และอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 7 เดือน โดยทะลุ 35 บาทต่อดอลลาร์

อย่างไรก็ดี มองว่ายังมีโอกาสที่เงินบาทจะกลับไปแข็งค่าได้อีก คาดว่าอาจจะได้เห็นลงไปแตะระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์ แต่ทั้งนี้ต้องดูความเรียบร้อยทางการเมืองของไทย รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ประกอบ

ส่วนกรอบราคาทองคำไทยในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 31,500 -32,500 บาท แต่การจะขึ้นไปทะลุจุดสูงสุดเดิม อาจจะเป็นเรื่องยากเช่นกัน เพราะต้องให้ gold spot ขยับขึ้นแรงทะลุ 2,000 ดอลลาร์ และเงินบาทอ่อนค่าด้วย ซึ่งแม้ว่าโอกาสจะมีน้อย แต่ก็ยังพอมีความหวังได้ ทั้งนี้ มองว่าหากราคาย่อตัวลงมาก็สามารถซื้อสะสม เพื่อหวังผลระยะยาวได้

- Advertisement -