- Advertisement -

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกช่วงเวลาที่สำคัญของตลาดทองคำ โดยราคาได้พยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านจิตวิทยาที่ 1,800 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อ ที่มาจาการการปรับตัวขึ้นของราคาพลังงาน ทำให้ทาง IMF ได้ปรับลดอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้

แต่สุดท้าย เมื่อราคาไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ ก็ถูกแรงเทขายออกมา ประกอบกับการคาดการณ์ว่าเฟด จะลด QE ในเดือน พ.ย. รวมถึงขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า เพื่อสกัดเงินเฟ้อ เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้ในช่วงท้ายสัปดาห์ ราคาปรับลดลงเกือบ 30 ดอลลาร์ มาปิดสัปดาห์ที่ 1,767 ดอลลาร์

Gary Wagner จาก Kitco.com ระบุว่า Philip Streible หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดของ Blue Line Futures มองว่า ราคาทองคำยังคงมีอุปสรรคต่อการขยับไปข้างหน้า โดยเฉพาะสินทรัพย์เสี่ยงที่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งดัชนีหุ้นสหรัฐฯ เช่นเดียวกับราคา Bitcoin

ที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มลดการซื้อสินทรัพย์รายเดือนในเดือนหน้า โดยดูได้จากรายงานการประชุม FOMC ครั้งล่าสุด

- Advertisement -

ประกอบกับในช่วงท้ายสัปดาห์ รายงานตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ก.ย. ได้เพิ่มสูงขึ้น 0.7% ส่วนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลง 0.2% ทำให้สมาชิกของเฟด ที่มีท่าทีจะเร่งการลด QE ลง ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล อายุ 10 ปี ได้กลับมายืนเหนือ 1.574% กดดันราคาทองคำให้ดิ่งแรง

ขณะที่ Marc Chandler กรรมการผู้จัดการ Bannockburn Global Forex กล่าว ตอนนี้ตลาดกำลังคาดการณ์ว่า อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า ซึ่งเร็วกว่าที่เคยคิดไว้ ทำให้อาจจะเป็นช่วงขาลงของทองคำ

ซึ่งการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ไปทดสอบ 1,800 ดอลลาร์ ทำให้รู้สึกประหลาดใจ แต่สุดท้ายราคาก็ถูกแรงเทขายก่อนจะปรับลดลงมา และหากแนวรับที่ 1,760 ดอลลาร์ รับไม่อยู่ อาจจะได้เห็นราคากลับไปทดสอบ 1,745-1,750 ดอลลาร์ อีกรอบ อย่างไรก็ดี มองว่าราคาทองคำในช่วงนี่จะอยู่ในกรอบ 1,725 ถึง 1,825 ดอลลาร์ต่อออนซ์

- Advertisement -