ตลาดทองคำ สิ้นสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง $50 โดยมาปิดตลาดที่ระดับ $1,644 และได้ร่วงลงเกือบ $90 จากระดับสูงสุดในช่วงต้นเดือน ต.ค. หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงออกมาไม่สู้ดี

โดยเฉพาะตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังอยู่เหนือ 8% ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงต่อเนื่องในช่วงสุดท้ายของปี หนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐฯ อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นเหนือ 4% ขณะที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี

Edward Moya senior market analyst ของ OANDA กล่าวกับ Kitco News ว่า

สิ่งนี้กำลังเป็นอันตรายต่อตลาดทองคำ โดยเฉพาะเงินดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่า พร้อมมองว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่เข้ามาแทรกแซงในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งนางเจเน็ต เยลเลน รมว.กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก็เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว

สิ่งที่ทำให้สถานการณ์ราคาทองคำแย่ลง คือ แนวโน้มของเฟดที่จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายเรื่องดอกเบี้ย

ทั้งนี้ CME FedWatch ระบุว่า มีโอกาส 99.7% ที่การปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในเดือน พ.ย. และ มีโอกาส 74% ที่การปรับขึ้น 0.50% ในเดือน ธ.ค. รวมถึงอาจมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในเดือน ก.พ. และ ในเดือน มี.ค. ซึ่งไม่ใช่เป็นข่าวดีสำหรับทองคำ

ด้าน Bart Melek global head of commodity strategy ของ TD Securities

ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ข้อมูล CPI ที่ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี แสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเฟดต้องการให้เห็นว่าได้ทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจจะเห็นดอกเบี้ยขึ้นไปแตะระดับ 5% ภายในเดือน มี.ค.

ขณะที่ Frank Cholly senior market strategist ของ RJO Futures

กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ราคาทองคำไม่สามารถทะลุเหนือ 1,740 ดอลลาร์ ได้ เป็นอีกสัญญาณลบสำหรับราคาทองคำในอนาคต ซึ่งจะต้องมาดูว่า ราคาทองคำจะหลุดแนว 1,600 ดอลลาร์ หรือไม่ พร้อมมองว่า ราคาทองคำอาจจะลงไปทดสอบจุดต่ำสุดของเดือน ก.ย. อีกครั้ง

Bart Melek ชี้ว่า ระดับแนวรับถัดไปของทองคำอยู่ที่ 1,615 ดอลลาร์ ตามด้วย 1,580 ดอลลาร์ ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ประมาณ 1,700 ดอลลาร์, 1,707 ดอลลาร์ และ 1,711 ดอลลาร์

ทั้งนี้ ราคาทองคำไม่ได้อยู่ต่ำกว่า 1,600 ดอลลาร์ มานาน ทำให้นักวิเคราะห์บางคนกังวลว่า ทองคำจะตกต่ำแค่ไหน หากราคาทะลุต่ำกว่าระดับนั้นลงไปได้

โดย Edward Moya กล่าวว่า หากราคาทะลุ 1,620 ดอลลาร์ ลงไป ก็อาจจะไปทดสอบระดับ 1,600 ดอลลาร์ และหากยังหลุดลงไปได้อีก อาจจะเกิดเกิดแรงเทขายทางเทคนิค ทำให้ราคามีโอกาสลงไปแตะระดับ 1,565 ดอลลาร์ ในทางกลับกัน หากมีข่าวเศรษฐกิจในเชิงลบเข้ามา อาจจะหนุนทองคำไปทดสอบระดับ 1,675 ดอลลาร์ ได้

หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่การชักชวนให้ ซื้อ-ขาย หรือ ลงทุน หรือ เป็นเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ และอาจจะไม่สะท้อนถึงความเห็นของ GoldAround.com ทั้งนี้ ทีมงานไม่ยอมรับความผิดในความสูญเสีย และ หรือ ความเสียหาย ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลข้างต้น