- Advertisement -

หลังจากที่เมื่อคืนนี้(ตามเวลาในสหรัฐ) ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ลงนามในร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ของสหรัฐ วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้สินทรัพย์หลายตัวได้ปรับเพิ่มขึ้นและกดดันราคาทองคำโดยตรง

นางสาว ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG เปิดเผยกับ GoldAround.com ว่าปฏิกิริยาแรกในตลาดต่อข่าวดังกล่าว จะยิ่งกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง บวกกับแนวโน้มการแจกจ่ายวัคซีน COVID-19 ที่ดำเนินต่อไปจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับตัวสูงขึ้น จากการคาดการณ์เชิงบวกต่อเศรษฐกิจซึ่งทำให้ความต้องการถือครองพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง

ขณะที่ดัชนีดอลลาร์จะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น จากการคาดการณ์ดังกล่าวด้วย นอกจากนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่ปรับตัวสูงขึ้นย่อมส่งผลหนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งค่าเพิ่มเติม

ส่วนตลาดหุ้นซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยง ตอบรับในเชิงบวกจากข่าวนี้เช่นกัน เห็นได้จากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ ส่วนตลาดหุ้นเอเชียในช่วงเช้าวันนี้ก็ดีดตัวขึ้นเช่นกัน

ด้านราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นแตะระดับ 57,679 ดอลลาร์ในช่วงเช้าที่ผ่านมา’ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 58,350 ดอลลาร์ที่เข้าทดสอบเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา

- Advertisement -

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าวเพิ่มเติมว่าปัจจัยที่กล่าวมา ดูเหมือนไม่ใช่สถานการณ์ที่เป็นบวกกับราคาทองคำ และ ทำให้ราคาทองคำเช้านี้อ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดในระหว่างวันที่1,727.86 ดอลลาร์ มาเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 1,701 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ( ณ เวลา 18.45 น.)

อย่างไรก็ดี YLG มองว่าตลาดได้ปรับตัวรับข่าวดังกล่าวไปมากพอสมควรแล้ว ดังนั้นนักลงทุนอาจเริ่มเปลี่ยนจุดโฟกัสไปที่ปัจจัยอื่นๆ อาทิ การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในคืนนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งหากตัวเลขออกมาดีกว่าที่คาดจะเป็นปัจจัยยิ่งหนุนดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลให้ปรับตัวสูงขึ้นจนกดดันราคาทองคำต่อเนื่อง ในทางกลับกันหากตัวเลขออกมาแย่กว่าคาดเหมือนตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)เมื่อวันพุธที่ผ่านมา จะเป็นปัจจัยกดดันดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรซึ่งจะหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้น

“ที่สำคัญ คือ สัปดาห์หน้าจะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) แม้ตลาดคาดการณ์ 100% ว่าเฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.00-0.25% ตามเดิม แต่การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในช่วงที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิดถึงสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต ผ่านแถลงการณ์ของนายเจอโรม พาวเวลล์ประธานเฟด, Economic Projections (คาดการณ์ GDP, อัตราการว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ) และ Dot Plot (คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของเจ้าหน้าที่เฟด) ซึ่งเชื่อว่าจะเป็ น ปัจจัยสำคัญที่จะชี้วัดการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ทุกตัวในตลาดในระยะถัดๆไป”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าว

- Advertisement -