- Advertisement -

หนึ่งในประเด็นที่ถูกจับตามมองในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในแวดวงการลงทุนรวมถึงแวดวงทองคำ คือกรณีที่ ‘มาร์เก็ตแคป’ ของตลาด Cryptocurrency ได้ลดลงกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์

หลังราคา Bitcoin ได้ร่วงลงแรง ลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะกลับมาเคลื่อนไหวแนว 50,300 ดอลลาร์ ได้ในวันนี้ (15 พ.ค.)

ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคา Bitcoin ร่วงแรง ก็คือ การที่ อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Tesla Inc.ได้ออกมาระบุว่า จะไม่รับ Bitcoin ในการซื้อรถยนต์ Tesla เพราะมองว่า กระบวนการขุด Bitcoin ได้สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม แต่ Tesla จะไม่ขาย Bitcoin ที่ถืออยู่ มูลค่ากว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ ออกไป และจะกลับมาใช้ Bitcoin การทำธุรกรรมก็ต่อเมื่อการขุด Bitcoin จะปรับเปลี่ยนไปใช้พลังงานที่ยั่งยืนกว่า พร้อมระบุ Tesla กำลังมองหา Cryptocurrency สกุลอื่น ๆ ที่ใช้พลังงานน้อยกว่าการผลิต Bitcoin

ไม่เพียงแต่ อีลอน มัสก์ ที่ออกมาแสดงความกังวลถึงเรื่องนี้ เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ‘เจเน็ต เยลเลน’ รมว.คลังของสหรัฐฯ ก็เคยกล่าวเตือนเรื่องการใช้พลังงานปริมาณมหาศาล และไร้ประสิทธิภาพอย่างรุนแรง สำหรับการทำธุรกรรม และการขุดเหรียญ Cryptocurrency ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ยอมรับว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ความยากในการขุด Bitcoin มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ต้องใช้ความพยายามทางคอมพิวเตอร์สูงขึ้นเรื่อย ซึ่งหมายถึงการใช้พลังงานที่ต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

- Advertisement -

ทั้งนี้ จากการประกาศของ อีลอน มัสก์ ทำให้ ผู้เชี่ยวชาญด้าน Cryptocurrency เกิดการคาดเดา ว่าอีลอน มัสก์ มีแผนจะไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในอุตสาหกรรม Cryptocurrency พร้อมตั้งข้อสงเกตุว่า Tesla อาจจะมีโครงการลงทุนใหม่ เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในการขุด Bitcoin ซึ่งผู้เชี่ยวชาญในวงการ Cryptocurrency มองว่า อีลอน มัสก์ และ Tesla มีทรัพยากรมากพอที่ย้ายการขุด Bitcoin ไปสู่พลังงานหมุนเวียนอย่างเต็มที่ แต่อาจจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะสำเร็จ

Sasja Beslik, head of sustainable business development at Bank J. Safra Sarasin in Zurich. กล่าวกับ สำนักข่าวรอยเตอร์ว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าว อาจแสดงถึงความพยายามที่จะสนับสนุนเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมของ Tesla ท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในภาคยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ได้มากขึ้น ที่สำคัญมันขึ้นอยู่กับ Tesla ว่าจะถือสกุลเงินใด ๆ แต่ข้อเท็จจริงก็คือ การขุดเหรียญ Cryptocurrency ได้สร้างปริมาณ ก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ มาก มันจึงเป็นสิ่งที่ท้าทาย

ขณะที่ ves Bennaim, the founder of Swiss crypto think-tank 2B4CH กล่าวว่า Tesla สามารถลงทุนในตัวเลือกการขุดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ และสามารถสร้างกลุ่มนักขุด Bitcoin ที่ใช้พลังงานสีเขียว หรือเชื่อมต่อลูกค้ากับกลุ่มนักขุดในแนวทางนี้ ทั้งนี้ทั่วโลกกำลังมองหาวิธีเปลี่ยนการขุด Bitcoin ไปสู่พลังงานที่สะอาดขึ้น หรืออย่างน้อยก็เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เกิดจากการนำพลังงานฟอสซิลมาเปลี่ยนเป็นพลังงานเพื่อใช้ในการขุดเหรียญ Cryptocurrency

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าอีกทางออกของ Tesla คือ การเปลี่ยนจากเหรียญดิจิตัล ไปยังโทเค็นที่ทำงานบนระบบที่ใช้พลังงานน้อยกว่า ในการผลิตเหรียญดิจิทัลใหม่ ผ่านโปรโตคอลของ Bitcoin ซึ่งอาจช่วยลดการพึ่งพาคอมพิวเตอร์ที่ใช้พลังงานมาก

อย่างไรก็ดี ได้มีเสียงคัดค้านจาก Jack Liao ซีอีโอของ LightningAsic บริษัท เหมืองแร่ของจีน โดยระบุว่าได้ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ ในฮาดร์แวร์เพื่อทำระบบนิเวศการขุด Bitcoin และจะมาให้เขาเปลี่ยนโปรโตคอลได้อย่างไร เพราะการเปลี่ยนแปลงหมายถึงการสูญเสียเงินปริมาณมหาศาล

- Advertisement -

เรื่องของการขุด Bitcoin กับการสร้างมลพิษ แม้ว่าจะไม่มีการยืนยันอย่างชัดเจนว่า เป็นการสร้างปัญหามลพิษมากน้อยเพียงไร แต่ผลกระทบในทางลบจากเรื่องการใช้พลังงานปริมาณมหาศาลในการขุด ก็สร้างความกังวลต่อนักลงทุน เพราะในระยะหลัง ในตลาดการเงินได้มีการเน้นเรื่อง แนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (ESG) และกำลังกลายเป็นแนวโน้มที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ

นอกจากนั้น มีอีกประเด็นที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมากก็คือการทำธุรกรรมซื้อขาย โดยชี้ว่าการซื้อขาย Bitcoin ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นบน Blockchain แต่จะกระทำกันบนตลาดรองหรือแหล่งซื้อขายแลกเปลี่ยนต่าง ๆ โดยที่ไม่มีการบันทึกลงใน Blockchain ด้วยซ้ำ

เรื่องที่เกิดขึ้นในแวดวง คริปโตเคอเรนซี่ และ Bitcoin กำลังถูกพูดถึง และถูกจับตามองอย่างหนัก เพราะเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดด ทั้งในเรื่องมูลค่าตลาด และปริมาณสินค้าที่เกิดขึ้นมาใหม่ ที่สำคัญสินทรัพย์ในตลาดนี้ถูกมองวาจะเข้ามาทดแทนสินทรัพย์การลงทุนหลาย ๆ ตัวในโลกอนาคต

- Advertisement -