จับตาทิศทาง “ดอลลาร์” ปี 2023 จะแกร่งได้เหมือนปี 2022 หรือไม่?
ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพสูง ในปี 2565 โดยทำจุดสูงสุดในรอบ 20 ปี เมื่อเดือน ก.ย. โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 20% เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ เป็นปัจจัยกดดันให้ราคาทองคำ และสินทรัพย์อื่น ๆ ร่วงลงแรง
แต่ดอลลาร์จะครองตลาดในปี 2023 ได้ต่อเนื่องอีกหรือไม่ ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม
โดยเฉพาะความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มถดถอย และปัจจัยภายนอกอื่น ๆ เช่น การกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งของจีน รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในจุดต่าง ๆ
ทั้งนี้ ปี 2022 ได้เริ่มต้นด้วยความเชื่อมั่นของ USD และได้ทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เริ่มวงจรนโยบายการควบคุมเงินอย่างเข้มข้น เพื่อสกัดเงินเฟ้อในเดือน มี.ค.
นับตั้งแต่นั้นมา เฟดได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยมารวม 4.25% ทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดขึ้นมาอยู่ในช่วงระหว่าง 4.25%-4.5%
เฟด ถือเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลัก ที่ผลักดันให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ผลประกอบการของตลาดหุ้นที่ย่ำแย่ ทำให้นักลงทุนจำนวนมากหันไปใช้สกุลเงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินป้องกันความเสี่ยง
จนถึงปัจจุบันดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ได้ปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 9% ที่ 104.54 หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี เหนือระดับ 144 ในเดือน ก.ย.
แต่เมื่อมองไปยังปี 2023 จะเห็นได้ว่า ท่าทีของเฟดยังคงลังเล แม้ในการประชุม FOMC ครั้งสุดท้ายของปี เฟดจะยังปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.50% แต่ลดลงจาก 4 ครั้งก่อนหน้า ที่ปรับดอกเบี้ยขึ้นในอัตรา 0.75%
ซึ่งภายหลังการประชุม นาย เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า จะยังคงเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าจะผ่านวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งประวัติศาสตร์ไปแล้วก็ตาม
คำถามสำคัญสำหรับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2023 คือ ระยะเวลาที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระดับสูงไว้ โดยเฟดคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 5.1% ขณะที่ GDP คาดว่าจะอยู่ที่ 0.5% และ อัตราเงินเฟ้อ PCE จะชะลอตัวลงเหลือ 3.1%
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะยังคงแข็งแกร่งตั้งแต่ต้นจนถึงกลางปีหน้า โดยได้แรงหนุนจากการประชุมของเฟด ในช่วงต้นปี ที่อาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง และข้อมูลเงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางในปี 2023
Wells Fargo ได้ระบุใน Wells Fargo in its 2023 outlook ว่า
ปี 2023 เป็นแรงฮึดสุดท้ายของดอลลาร์ ก่อนที่แนวโน้มขาลงจะเริ่มขึ้น โดยมองว่า เงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอีกครั้งในช่วงต้นปี 2023 เนื่องจากเฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และยังเป็นอัตราที่สูงกว่าธนาคารกลางหลายแห่ง
อย่างไรก็ตาม ในกลางปีหน้า แนวโน้มจะเปลี่ยนไปเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัว โดยส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์ มองว่าสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งปีหลัง
ด้าน Jeffrey Gundlach CEO ของ DoubleLine Capital มองว่า
เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุมเดือนกุมภาพันธ์ โดยอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจแตะจุดสูงสุดที่ 5% ในปีหน้า
แต่ Gundlach ไม่เชื่อว่าเฟดจะสามารถคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับนี้ ไว้ได้นาน ก่อนที่จะถูกบังคับให้ปรับลดลงมา หรือการปรับดอกเบี้ยของเฟด อาจจะไม่ถึง 5% เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจกำลังอ่อนแอเร็วเกินไป โดยมองว่าดอลลาร์จะอ่อนค่าลง ในปี 2023 หลังจากที่ได้ถึงจุดสูงสุดแล้วในปี 2022
มาดูมุมมองของนักวิเคราะห์ต่อค่าเงินดอลลาร์ ในปี 2023 โดย นักกลยุทธ์ของ TD Securities มองว่า
แนวโน้ม USD ขึ้นอยู่กับ
1.) การเติบโตของ ศก.ทั่วโลก
2) การกำหนดราคาอัตราดอกเบี้ยของเฟด
3) เงื่อนไขการค้า โดยมองว่า ในช่วงไตรมาสแรก เงินดอลลาร์ยังคงแข็งแกร่ง ก่อนจะค่อย ๆ อ่อนตัวลงในช่วงกลางและ สิ้นปี 2023
ส่วนปัจจัยอื่น ๆ ที่จะเข้ามาส่งผลต่อกับเงินดอลลาร์ ในปี 2023 ต้องไปโฟกัสการเปิดประเทศอีกครั้งของจีน หลังจากที่รัฐบาลจีนได้ผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด และต่อสู้กับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น
แต่ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า ยังมีความไม่แน่นอนอยู่อีกมากเช่นกัน เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดยังไม่สามารถควบคุมได้แบบเบ็ดเสร็จ และยังมีความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจหลายประการ
อ้างอิง : Kitco.com
Comments are closed.