- Advertisement -

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นใหญ่สุดและร้อนแรงสุด จนทำให้ราคาทองคำร่วมลงเกือบ 100 ดอลลาร์ ก็คือการประกาศความคืบหน้าการผลิตวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของไฟเซอร์ อิงค์ แม้ว่าข่าวดังกล่าวอาจจะทำให้หลายฝ่ายสบายใจมากขึ้น กับการต่อสู้กับเชื้อโรคดังกล่าว แต่ขณะนี้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อ COVID-19  ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก

โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกา มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึงวันละ 120,000 คน และหลายพื้นที่ในยุโรป ก็มีตัวเลขผู้ติดชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมากเช่นกัน ทำให้หลายประเทศต้องออกมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดอีกครั้ง ซึ่งปัจจัยทั้งหมดทำให้ราคาทองคำกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงท้ายของสัปดาห์ และในสัปดาห์นี้(16 -20 พ.ย.) นักวิเคราะห์ต่างมองกันว่าราคาอาจจะเข้าสู่โหมดการฟื้นตัว

Peter Hug  global trading director of Kitco Metals กล่าวว่า แม้ราคาทองคำจะปรับลดลงอย่างแรง แต่ยังเชื่อว่าทองคำจะยืนเหนือ 1,850 ดอลลาร์ได้ เพราะแรงซื้อยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตร อายุ 10 ปี พลิกกลับ และเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ทำให้ราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาโกลด์ฟิวเจอร์ส ประจำเดือนธันวาคม ซื้อขายที่ 1,887.10 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.74%

Peter Hug  ยังมองว่า วัคซีนไฟเซอร์ไม่น่าจะได้รับการอนุมัติจาก FDA ภายในสิ้นเดือนธันวาคมและไม่น่าจะสามารถผลิตเพื่อจำหน่ายในปริมาณมากจนถึงช่วงฤดูร้อน ที่สำคัญยังมีปัญหาเรื่องการขนส่งที่ต้องใช้อุณหภูมิติดลบ และคนที่ใช้ต้องใช้ป้องกันต้องฉีดถึง 2 โดส โดยคาดว่ากว่าที่ประชาชนจะได้รับวัคซีนจนสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ น่าจะเป็น กลางปี 2564 และกว่าจะไปถึงจุดนั้น  ธนาคารกลางทั่วโลกจะยังต้องใช้เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น และจะเป็นสิ่งที่ดีต่อตลาดทองคำ

- Advertisement -

อีกประเด็นที่ต้องจับตามองก็คือ และน่าจะส่งผลต่อราคาทองคำ ก็คือเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วรัฐบาลจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินอย่างเป็นทางการว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป เพราะประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ อาจจะปฏิเสธที่จะดำเนินการใด ๆ ขณะที่โจ ไบเดน ก็ยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ เพราะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดี

Peter Hug ยังมองว่าเมื่อมีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มสูงขึ้นในสหรัฐฯ คาดว่าอีกไม่นานน่าจะมีการนำมาตรการกักกันที่เข้มงวดกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงหลังวันแตงค์กีฟวิง นอกจากนั้นยังไม่พบว่าพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต มีแผนที่จะร่วมมือกันและสร้างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนที่ประธานาธิบดีคนใหม่จะสาบานตน ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่ต่อตลาดทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบางรัฐต้องใช้มาตรการล็อคดาวน์ 

ทั้งนี้ Peter Hug ได้แนะนำให้ซื้อทองคำเมื่อราคาปรับลดลง เพราะมองว่าในอนาคตปัจจัยต่างๆ ยังเอื้อต่อการเติบโตของราคาทองคำอย่างมาก แม้ว่าราคาอาจจะลดต่ำกว่าระดับ 1,850 ดอลลาร์ โดยจะลงไปแตะ 1,825 ดอลลาร์ก็ตาม แต่นักลงทุนต้องรอและอดทน เพราะคาดว่าในช่วงไตรมาสถัดไปราคาทองคำจะขัยบขึ้นไปแตะ 2,000 ดอลลาร์

ขณะที่ Bart Melek head of global strategy  T.D. Securities ระบุว่า  หลังอัตราผลตอบแทน พันธบัตร อายุ 10 ปี ที่เพิ่งเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาทองคำเริ่มปรับตัวขึ้นและมีผันผวนลดลง นอกจากนั้นยังมีความกังวลกับเรื่องของหนี้สินจำนวนมาก และการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสกุลเงินต่างๆ

- Advertisement -

Bart Melek  ยังมองว่าข่าวความคืบหน้าการผลิตวัคซีนของไฟเซอร์ จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำหลังจากนี้มากนัก เพราะต้องใช้เวลาอีกนานในการปรับใช้วัคซีนสำหรับทุกคน แต่ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาทองคำ ก็คือเรื่องของเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หลังจากที่มีการพิมพ์เงินออกมาเป็นปริมาณมหาศาล ซึ่งต้องใช้เวลานานในการแก้ปัญหา จึงทำให้ส่งผลดีต่อราคาทองคำในระยะยาว ทั้งนี้คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะขึ้นไปแตะระดับ $ 2,500 ภายในสิ้นปี 2021

Melek คาดว่าสัปดาห์นี้ (16 -20 พ.ย.) จะเริ่มเป็นผลดีสำหรับทองคำ แม้ว่าการเทขายได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การฟื้นตัวกลับมาอย่างแข็งแกร่งต่องค่อยเป็นค่อยไป  โดยมองว่ากรอบแนวรับยังอยู่ระดับ 1,850 ดอลลาร์ ขณะที่กรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,930 ดอลลาร์

เรื่องโดย Anna Golubova สำหรับ Kitco News

- Advertisement -