- Advertisement -

หลังจากที่ราคาทองคำได้ปรับพุ่งขึ้นไปแตะสูงสุดที่ 1,870 ดอลลาร์ ในช่วงต้นสัปดาห์ ซึ่งเป็นผลมาจากความวุ่นวายในตลาดหุ้นและตลาดซิลเวอร์ ก่อนที่วานนี้ราคาทองคำจะถูกเทลงมาแตะ 1,829 ดอลลาร์ เมื่อราคาซิลเวอร์ได้ปรับลดลงแรง ทำให้วันนนี้มีแรงรีบาวด์กลับมาเล้กน้อยและราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวไซด์เวย์ในกรอบ 1,830-40 ดอลลาร์ (ดูกราฟควมเคลื่อนไหวราคาทองคำ..)

นายดนุ ชาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีแคป จำกัด กล่าวกับ GoldAround.com ว่า ราคาทองคำได้เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,820-70 ดอลลาร์ มานานกว่า  2 เดือน ซึ่งเป็นไปตามเทคนิคคัล ชาร์ต และหลังจากนี้คาดว่าราคาทองคำจะยังคงเคลื่อนไหวไซด์เวย์ อัพ ไปอีกระยะ ทำให้กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้จึงเรียบง่าย โดยให้เข้าซื้อตามแนวรับตั้งแต่ 1,820 ดอลลาร์ เพื่อไปทำกำไรในช่วงราคาระหว่าง 1,850-70 ดอลลาร์ ทั้งนี้แม้ว่าที่ผ่านมาราคาทองคำอาจจะมีกระชากแรงๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ผ่านแนวรับและแนวต้าน สุดท้ายก็ยังกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบนี้   

อย่างไรก็ดียังมองว่าภายในไตรมาสแรกของปีนี้ ราคาทองคำจะขยับขึ้นไปเคลื่อนไหวในแนว 1,950-2,000 ดอลลาร์ได้ หากรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ภายใต้การนำของ ปธน.“ไบเดน” และ”เจเน็ต เยลเลน” รมว.คลัง ได้ทำงาน และเดินตามนโยบายเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจตามที่วางเอาไว้ คือการอัดเงินเพิ่มเข้าสู่ระบบ และ FED ยังคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งขณะนี้คาดว่าทั้งคู่กำลังเร่งเคลียร์ปัญหาต่างๆ ที่รัฐบาล “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้สร้างเอาไว้

“ทั้งนี้ยังมองว่าปัจจัยหลักที่จะทำให้ราคาทองคำเดินไปข้างหน้าได้ ก็คือเรื่องของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ อย่างในกลุ่มยูโร ก็เริ่มพบกับปัญหาตัวเลขหนี้เสียที่ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้อาจจะต้องมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าอุ้มอีกรอบ ซึ่งมองว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าปัญหาจะคลี่คลายไปได้ และในช่วงดังกล่าวถือเป็นเวลาของทองคำ”

นายดนุ ชาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีแคป จำกัด กล่าว

- Advertisement -

ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นหรือตลาดซิลเวอร์ หลังกลุ่มนักลงทุน ใน WallStreetBets เข้าไปซื้อหุ้น GameStop และซื้อ “ซิลเวอร์” เพื่อโจมตีลุ่มเฮดฟันด์ และสถาบันการเงินที่ Short sell ไว้นั้น กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีแคป จำกัด มองว่าเป็นนวัตกรรมของการลงทุน แต่คาดว่าคงจะยากที่จะนำรูปแบบดังกล่าวมาใช้กับตลาดทองคำได้ เพราะตลาดทองคำมีมูลค่าใหญ่กว่ามาก และทองคำก็เป็นสินทรัพย์ที่ธนาคารกลางทั่วโลกใช้ในการแบ็คอัพเงินตรา และเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ ทำให้มองกว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ จะเป็นไปตามกลไกทางเศรษฐศาสตร์มากกว่า

เช่นเดียวกับการพุ่งขึ้นของคอยน์ บางตัวในคริปโตเคอเรนซี่ ที่ราคาได้เคลื่อนไหวผันผวน ตามข่าว และอินฟูเลนเซอร์ ที่ออกมาโปรโมท ทำให้มองว่าอาจจะไม่ยั่งยืน และคาดว่าหลังจากนี้ก็จะคนใช้แนวทางนี้ในการสร้างราคา ซึ่งอยากจะให้นักลงทุนได้ประเมินข้อมูลก่อนการลงทุน อยากให้มองสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และมูลค่าในตัวทรัพย์สินนั้นๆ มากกว่าไหลลงทุนไปตามกระแส

ขอบคุณข้อมูล : บริษัท จีแคป จำกัด

- Advertisement -