ปัญหาเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ ดูเหมือนจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และการแก้ปัญหา ก็อาจจะไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา ทำให้ นักวิเคราะห์ และนักลงทุนเริ่มเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะ Bitcoin และ ทองคำ
Lawrence Lepard, Equity Management Associates managing partner กล่าวกับ หัวหน้าบรรณาธิการของ Kitco News ว่า ภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นและรุนแรงขึ้น มาจากหนี้ก้อนใหญ่ที่เกิดจากการพิมพ์เงินปริมาณมหาศาลเพื่อแก้ปัญหาด้านต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา
โดยปัญหาจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น จะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ และอาจจะทำให้ระบบการเงินล้มเหลว จนถึงขั้นต้องรีเซ็ทระบบใหม่ ซึ่งอาจจะได้เห็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ พังทลายในช่วงทศวรรษนี้ และสินทรัพย์ที่จะก้าวเข้ามาทดแทนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เป็นไปได้ในเวทีโลก ก็คือ Bitcoin หรือ ทองคำ
Lawrence Lepard อธิบายเพิ่มเติมว่า สินทรัพย์ทั้งสองเป็นเงินที่ดี หลังจากที่ Bitcoin ได้ทำทำสถิติสูงสุดใหม่เมื่อวันพุธ โดยพุ่งขึ้นเหนือ $66,000 จากการเปิดตัว Bitcoin ETF ตัวแรกที่ประสบความสำเร็จ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
Lawrence Lepard ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ มูลค่าที่แท้จริงของทั้งทองคำและบิตคอยน์ น่าจะสูงขึ้นมาก หากย้อนกลับไปดูอัตราส่วนทางการเงินแบบเก่า ซึ่งตอนนี้ราคาทองคำควรจะอยู่ที่ 10,000 ดอลลาร์ และ ราคา Bitcoin อาจะอยู่ที่ 200,000 ดอลลาร์
พร้อมแนะนำให้ลงทุนกับสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าไว้ในช่วงเวลาที่เงินเฟ้อเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ เหรียญทองและเงิน หุ้นการขุดทอง และ Bitcoin ซึ่งเป็นเงินรูปแบบใหม่ ทั้งนี้นักลงทุนจะต้องย้ายสินทรัพย์บางส่วนไปอยู่ในกลุ่มเหล่านี้ เพื่อเป็นการป้องกันเงินเฟ้อ
Lawrence Lepard มองว่า จะได้เห็นราคาทองคำพุ่งขึ้นเป็น 2,700 ดอลลาร์ ในหนึ่งปีจากนี้ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ดอลลาร์ในอีกห้าปีข้างหน้า ขณะที่ราคา Bitcoin จะแตะ 150,000 ดอลลาร์ ในหนึ่งปีและ 2 ล้านดอลลาร์ในห้าปี
ที่มา : Kitco.com
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.