คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่อง
พร้อมประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 65 และ 66 จะขยายตัวที่ 3.2% และ 4.4% ลดลงจากการประชุมครั้งก่อน คาดการณ์ไว้ที่ 3.4% และ 4.7% ตามลำดับ
โดยมองว่าปัญหา รัสเซีย-ยูเครน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่านการปรับขึ้นของราคาพลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์ และอุปสงค์ต่างประเทศที่ชะลอลง
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยปี 65 และ 66 คาดว่าจะอยู่ที่ 4.9% และ 1.7% จากการประเมินครั้งก่อนอยู่ที่ 1.7% และ 1.4% ตามลำดับ
โดยมองว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับสูงขึ้นเกินกรอบเป้าหมาย ก่อนจะทยอยลดลงและกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงต้นปี 66 จากราคาพลังงาน และอาหารที่คาดว่าจะไม่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อยังมีความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่มีโอกาสสูงกว่าที่ประเมินไว้ และการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการที่อาจมากกว่าคาด
แต่ กนง. จะติดตามพัฒนาการเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่า อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังสอดคล้องกับเป้าหมายนโยบายการเงิน
นายปิติ ดิษยทัต เลขานุการ กนง. ระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเป็นไปตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและภาคการท่องเที่ยว โดยผลของการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่มากเท่าระลอกก่อนหน้า
ทั้งนี้ กนง. จะติดตามปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อ ได้แก่ ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์โลก การส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้น และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจขยายวงกว้างและสร้างความไม่แน่นอนในระยะต่อไป โดยพร้อมใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่เหมาะสมหากจำเป็น
ส่วนการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้ นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุว่า เงินบาทช่วงเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 33.32 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 33.55 บาทต่อดอลลาร์
โดยเงินบาทแข็งค่าเช่นเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค เป็นผลจากการเจรจาระหว่าง รัสเซีย และ ยูเครน มีความคืบหน้า
ส่วนในวันพรุ่งนี้ คาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.25 – 33.40 บาท ต่อดอลลาร์
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.