- Advertisement -

หลายประเทศเตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ทั่วโลก จะมากกว่า 2.5 ล้านราย เสียชีวิต เกือบ 1.8 แสนราย โดยผู้นำอิตาลี ประกาศพร้อมเริ่มต้นเดือนหน้า หลังทำ ศก.ทรุดหนัก นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ทุกอย่างจะทำภายใต้ข้อจำกัดที่เข้มงวด

มาดูสถานการณ์การแรพ่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ล่าสุดตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลก (11:30-22/04/2020) อยู่ที่ 2,557,181 ราย เสียชีวิต 177,641 ราย รักษาหาย 690,444 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกา ยังคงมีผู้ติดเชื้อ มากสุด 819,164 ราย เพิ่มขึ้น 420 ราย เสียชีวิต 45,340 ราย เพิ่มขึ้น 22 ราย ขณะที่สเปน มีผู้ติดเชื้อ 204,178 ราย เสียชีวิต 21,282 ราย และอิตาลี มีผู้ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 จำนวน 183,957 ราย เสียชีวิต 24,648 ราย ทั้งนี้จากตัวเลขผู้เสียชีวิตทั่วโลก พบว่า 2 ใน 3 อยู่ในยุโรป

แม้ว่า ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่หลายประเทศก็เตรียมพร้อมที่จะผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ เพื่อทำให้เศรษฐกิจได้ดำเนินต่อไปได้ หลังได้รับความเสียหายอย่างหนักในทุกภาคส่วน และทำให้มีผู้ตกงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้หลายพื้นที่ของประเทศได้ผ่อนปรนมาตาการล็อคดาวน์ เพื่อให้การค้าขายการใช้ชีวติของประชาชนได้กลับคืนมาบ้าง

มีรายงานว่า ประเทศอิตาลีจะเริ่มผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมเป็นต้นไป แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตจะยังคงสูงอยู่ การดำเนินการจะต้องทำภายใต้ข้อจำกัดที่เข้มงวด และระมัดระวัง

ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา รัฐบาลประเทศอิตาลีได้บังคับใช้มาตรการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการบังคับให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน ปิด ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมทั่วประเทศ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ซึ่งมาตรการดังกล่าวแม้จะควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสได้ดี แต่ได้ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยูโรโซน โดยกระทรวงการคลังของอิตาลี ประเมินว่าเศรษฐกิจของประเทศจะหดตัวราว ๆ 8% ในปีนี้ซึ่งถือว่าเป็นภาวะถดถอยครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

- Advertisement -

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีของอิตาลี ระบุอยากจะเปิดประเทศทันทีแต่ไม่สามารถทำได้ โดยจะต้องมีข้อมูลรอบด้านมาวิเคราะห์ถึงผลดีผลเสีย และการที่จะผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ จะต้องทำภายใต้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อจะดูว่าจะทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งการผ่อนคลายมาตรการ ล็อกดาวน์อย่างไม่เป็นระบบและเร่งรีบเกินไป อาจทำให้ประชาชนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นซึ่งไม่สามารถยอมรับได้

ขณะที่ แกนนำภาคธุรกิจในประเทศอิตาลี ต่างเรียกร้องให้รัฐบาลได้ ผ่อนปรนข้อจำกัดต่าง ๆ พร้อมเตือนถึงจะเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างหนักหากยังดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ต่อไปเรื่อย ๆ

นอกจากอิตาลีแล้วมีรายงานว่า สำนักงานการบินพลเรือนเวียดนาม เตรียมเปิดบริการการบินภายในประเทศอีกครั้ง ตามแผนคลายกฎล็อกดาวน์ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ ไวรัส โควิด-19 คลี่คลาย ซึ่งประเทศเวียดนามได้ร้บคำชมว่ารับมือสถานการณ์โควิด-19 ได้ทันท่วงที ด้วยการตรวจบุคคลที่ต้องกักกันตัวไว้ดูอาการได้ครอบคลุม โดยตรวจประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 174,489 คน ทำให้การระบาดไม่กระจายในพื้นที่กว้าง ทำให้ในเวียดนามมีผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 268 คน และไม่มีผู้เสียชีวิต และจนถึงวันที่ 21 เม.ย. ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ติดต่อกันเป็นวันที่ 5

ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก ได้ออกมาเตือนว่าการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ควรดำเนินการอย่างช้า ๆ พร้อมออกข้อแนะนำ 6 ข้อ ประกอบไปด้วย

1.ต้องสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคในประเทศแล้ว

- Advertisement -

2. ต้องสามารถตรวจหาผู้มีอาการของโรค ตรวจหาเชื้อ แยกตัวและทำการรักษา พร้อมทั้งทำการสอบสวนโรค

3. ต้องเพิ่มความระมัดระวังในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น บ้านพักคนชรา

4. โรงเรียน สำนักงาน และสถานที่สาธารณสุขต่าง ๆ ต้องมีมาตรการป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพ

5. สามารถจัดการความเสี่ยงของโรคจากผู้ที่เดินทางเข้าประเทศได้

6. คนในชุมชนต้องมีความรู้ มีส่วนร่วม และได้รับการสนับสนุนให้มีชีวิตอยู่ ภายใต้สังคมที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการเกิดโรค

- Advertisement -