Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 14 ส.ค.63 (YLG)

- Advertisement -

0 474

- Advertisement -

หากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,967-1,971 ดอลลาร์ต่อออนซ์แนะนำขาย ชะลอการขายหากผ่านแนวต้านในโซน 1,971 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับการซื้อคืนอาจพิจารณาบริเวณ 1,919 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถยืนได้ให้ชะลอการเข้าซื้อคืนออกไป

แนวรับ : 1,919 1,898 1,881 แนวต้าน : 1,971 1,988 2,000

สรุป  ราคาทองคำปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น  30.21 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์  จากภาวะชะงักงันของสภาคองเกรสเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐรอบใหม่ หลังนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ยืนยันจะไม่เริ่มการหารืออีกครั้ง  จนกว่าคณะบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์จะเห็นชอบในการเพิ่มวงเงินเป็น 2 เท่า ขณะที่การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวดูห่างไกลออกไปอีกหลังสภาคองเกรสยุติสมัยประชุมในช่วงบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น  ในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ  แม้ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ 963,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว “ต่ำกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.1 ล้านรายซึ่งเป็นปัจจัยกดดันทองคำ อย่างไรก็ดี  มีชาวอเมริกันอีกอย่างน้อย 28.3 ล้านคนที่ยังคงรับสวัสดิการว่างงาน บ่งชี้ว่าความอ่อนแอในตลาดแรงงานยังคงอยู่จึงส่งผลให้การอ่อนตัวลงของราคาอยู่ในระดับจำกัด  ก่อนที่จะมีแรงซื้อ Buy the dip เข้ามาพยุงราคาเอาไว้  ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ยังคงรายล้อมตลาดอย่างต่อเนื่อง  นั่นทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นทำระดับสูงสุดบริเวณ 1,966.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างวัน  ก่อนที่จะเกิดแรงขายทำกำไรสลับออกมาจนราคาลดช่วงบวกลง  ส่วนกองทุน SPDR กลับมาถือครองทองคำเพิ่มอีกครั้ง  โดย SPDR ถือครองทองเพิ่ม +1.46  ตัน สู่ระดับ 1,252.09 ตัน สะท้อนนักลงทุนยังไม่ละทิ้งทองคำ  ทำให้ในปี 2020 กองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่มแล้วถึง +358.84 ตัน  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดค้าปลีก และตัวเลขในภาคการผลิตของสหรัฐ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 80.12 จุด วิตกมาตรการกระตุ้นศก.ไม่คืบ  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายหลังมีรายงานว่า การเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้า นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างหนักของราคาหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลง อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,896.72 จุด ลดลง 80.12 จุด หรือ -0.29% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,373.43 จุด ลดลง 6.92 จุด หรือ -0.20% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,042.50 จุด เพิ่มขึ้น 30.26 จุด หรือ+0.27%
  • (+) “จอห์น ฮอปกินส์”เผยสหรัฐมีผู้เสียชีวิตรายใหม่จากโควิดมากกว่า 1,500 รายวานนี้  มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า สหรัฐมียอดผู้เสียชีวิตรายใหม่จากไวรัสโควิด-19 มากกว่า 1,500 รายเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดนับตั้งแต่สิ้นเดือนพ.ค.  ถึงแม้ตัวเลขผู้เสียชีวิตรายใหม่ดังกล่าวต่ำกว่าในเดือนมี.ค.และเม.ย. ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 2,000 รายต่อวัน แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตในขณะนี้ยังคงอยู่ในระดับสูง  ทั้งนี้ ยอดผู้เสียชีวิตรายใหม่พุ่งขึ้นในรัฐจอร์เจีย โดยมีจำนวน 105 รายวานนี้ ส่งผลให้ค่าเฉลี่ย 7 วันอยู่ที่ 67 รายต่อวัน โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 38% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว
  • (+) ดอลล์อ่อนเทียบสกุลเงินหลัก วิตกมาตรการกระตุ้นศก.ไม่คืบหน้า  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของสหรัฐ  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.12% สู่ระดับ 93.3360 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9107 ฟรังก์ จากระดับ 0.9122 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3224 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3253 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 106.90 เยน จากระดับ 106.85 เยน  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1800 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1783 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3053 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3026 ดอลลาร์
  • (+) สภาคองเกรสพักการประชุมขณะยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเยียวยาศก.จากโควิด-19  ทั้ง 2 สภาของสภาคองเกรสเสร็จสิ้นการทำงานสำหรับเดือนนี้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเยียวยาเศรษฐกิจจากโควิด-19 รอบใหม่ก็ตาม  ข้อตกลงดูห่างไกลออกไปหลังวุฒิสภายุติสมัยประชุมในช่วงบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งนับเป็นเวลา 6 วันนับตั้งแต่พรรคเดโมแครตและทำเนียบขาวจัดการเจรจาครั้งล่าสุด นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรระบุว่า พรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน “มีความคิดเห็นไม่ตรงกันในเรื่องวงเงินแผนกระตุ้น”  นางเพโลซีระบุว่า เธอจะไม่เริ่มการหารืออีกครั้งจนกว่าคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเห็นชอบในการเพิ่มวงเงินเป็น 2 เท่าสำหรับข้อเสนอเยียวยาเศรษฐกิจจากโควิด-19 จำนวน 1 ล้านล้านดอลลาร์ เธอกล่าวต่อนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังเมื่อวันพุธ และเขาระบุอีกครั้งว่า ทำเนียบขาวจะไม่เสนอมาตรการวงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์
  • (-) สหรัฐพอใจความคืบหน้าจีนซื้อสินค้าภายใต้ข้อตกลงการค้าระยะที่ 1  เมื่อวานนี้นายแลร์รีย์ คัดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาวระบุว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐพอใจในความคืบหน้าของจีนในการดำเนินตามพันธสัญญาเรื่องการซื้อสินค้าสหรัฐภายใต้ข้อตกลงการค้าระยะที่ 1 ซึ่งส่งสัญญาณว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะราบรื่นในการพิจารณาเบื้องต้นในวันพรุ่งนี้  เขากล่าวว่า จีน “ขณะนี้เพิ่มการนำเข้าโภคภัณฑ์ของเราจริงๆ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับภาคเกษตรกรรมของสหรัฐ” ซึ่งย้ำถึงความเห็นของนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐต่อปธน.ทรัมป์  นายไลท์ไฮเซอร์และนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนจะจัดการพิจารณาเรื่องการดำเนินการตามข้อตกลงการค้ารายครึ่งปีครั้งแรกผ่านการประชุมทางไกลในวันพรุ่งนี้

- Advertisement -

ขอขอบคุณ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

Leave A Reply

Your email address will not be published.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More