29-6-20
แนวโน้มช่วงเช้า
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (26 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ออกมาท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐ หลังจากที่มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้มีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
มุมมองทองคำภาคเช้า
ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (26 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นในสหรัฐ และในประเทศต่างๆ อย่างไรก็ดี นายพอล เซียนา นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา คาดการณ์ว่า ราคาทองจะพุ่งขึ้นทดสอบ 1,790-1,805 ดอลลาร์/ออนซ์ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปี 2555 และหากสามารถทะลุแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ ราคาทองก็จะมีเป้าหมายต่อไปที่ 1,920.70 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตลอดกาลที่ทำไว้ในปี 2554 นอกจากนี้ นายเซียนากล่าวว่า ราคาทองมีแนวโน้มแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์ โดยมีอัพไซด์อยู่ที่ 2,114-2,296 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย ดัชนีภาคการผลิตเฟดสาขา ดัลลัส ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ S&P/CS ดัชนีจัดซื้อจัดจ้าง ชิคาโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค การจ้างงานนอกภาคเกษตร ADP ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ISM ค่าใช้จ่ายด้านก่อสร้าง เป็นต้น
สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (26 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ออกมาท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐ หลังจากที่มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้มีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
แนะแนวทางการลงทุน
แนวรับ 1764 – 1760 – 1756
แนวต้าน 1774 – 1780 – 1785
ราคาทองคำดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุน ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิค-19 รอบสอง อาจทำให้รัฐฯ ต่าง ๆตัดสินใจใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง กระตุ้นให้นักลงทุนหันมาถือสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
ขอขอบคุณ : บริษัท จีแคป จำกัด(Gcap)