- Advertisement -

ทองคำลดลงเป็นวันที่ 4 จากความคืบหน้าของวัคซีนของไฟเซอร์

คืนนี้สหรัฐไม่มีประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ

แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,850-1,875 ดอลลาร์ 

• ราคาทองคำ Spot   เมื่อวานปรับลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของไฟเซอร์ ซึ่งแถลงว่าผลการทดลองในขั้นสุดท้ายวัคซีนมีประสิทธิภาพ 95% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ทำให้ราคาทองคำปรับลดลงเข้าใกล้แนวรับสำคัญ 1,850 ดอลลาร์ อย่างไรสหรัฐประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์อยู่ที่ระดับ 742,000 ราย สูงกว่าตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 707,000 ราย นอกจากนี้มีข่าวว่าพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันจะกลับมาเจรจาเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 อีกครั้ง ทำให้เริ่มมีแรงซื้อทองคำกลับเข้ามา ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ขายทองคำต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 อีก 1.75 ตัน
• คืนนี้สหรัฐไม่มีประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า ได้แก่  สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 การเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC  และจีดีพีสหรัฐไตรมาส 3
• แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,850-1,875 ดอลลาร์  โดยทองคำมีแนวรับสำคัญที่ 1,848-1,850 ดอลลาร์ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในวันที่ 24 ก.ย.2563 ถ้าหลุดแนวรับดังกล่าวต้องระวังว่าจะมีแรงเทขายออกมา ซึ่งจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,837 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 1,875 ดอลลาร์ และแนวต้านถัดไปที่ 1,890 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

- Advertisement -

ราคาทองแท่ง 96.5%

โกลด์ฟิวเจอร์ส

- Advertisement -

แนะนำเปิดสถานะขายถ้าราคาทองคำ Spot หลุด 1,850 ดอลลาร์ (GF 26,740 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,850 ดอลลาร์ (GF 26,860 บาท)

การลงทุนในทองแท่ง แนะนำทยอยซื้อสะสมที่ราคาทองคำ Spot 1,850 ดอลลาร์

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

แนะนำเปิดสถานะขายถ้าราคา GOZ20 หลุด 1,853 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,863 ดอลลาร์

เงินบาท

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 30.30-30.45 บาท/ดอลลาร์ ปัจจัยการเมืองในประเทศและธปท.ส่งสัญญาณแทรกแซงเงินบาทให้อ่อนค่าลงเป็นปัจจัยกดดันต่อเงินบาท ส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินปอนด์และฟรังก์สวิส ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจามาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-19 ในสหรัฐ และการประชุมเพื่อเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ซึ่ง USD Futures เดือนธ.ค.63 คาดจะมีแนวรับที่ 30.30 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 30.45 บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ : ดอลล์แข็งเทียบปอนด์,ฟรังก์ จับตาสหรัฐเจรจาแผนเยียวยาศก.
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินปอนด์และฟรังก์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (19 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจามาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-19 ในสหรัฐ และการประชุมเพื่อเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9105 ฟรังก์ จากระดับ 0.9102 ฟรังก์ เงินปอนด์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3252 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3280 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1875 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1864 ดอลลาร์

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดลบ $12.4 เหตุดอลล์แข็งกดดันตลาด
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (19 พ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ นอกจากนี้รายงานดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐออกมาดีเกินคาดยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 12.4 ดอลลาร์ หรือ 0.66% ปิดที่ 1,861.5 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 40 เซนต์ หรือ 1.64% ปิดที่ 24.048 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ : น้ำมัน WTI ปิดลบ 8 เซนต์ วิตกล็อกดาวน์ฉุดดีมานด์น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (19 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการใช้มาตรการล็อกดาวน์จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 41.74 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 44.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ก่อนหน้านี้โอเปกพลัสได้ตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิต 7.7 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2563 ก่อนที่จะลดกำลังการผลิตเพียง 5.8 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนม.ค.2564 ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล/วันจากโอเปกพลัสไหลเข้าสู่ตลาดน้ำมันโลก

ตลาดหุ้นต่างประเทศ : ดาวโจนส์ปิดบวก 44.81 จุด รับข่าวสหรัฐฟื้นเจรจาแผนเยียวยาศก.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (19 พ.ย.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่าแกนนำพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันได้ตกลงที่จะกลับมาเจรจาเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 อีกครั้ง ทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลและยังช่วยสกัดปัจจัยลบจากข้อมูลแรงงานที่ซบเซาของสหรัฐด้วย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,483.23 จุด เพิ่มขึ้น 44.81 จุด หรือ +0.15% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,581.87 จุด เพิ่มขึ้น 14.08 จุด หรือ +0.39% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,904.71 จุด เพิ่มขึ้น 103.11 จุด หรือ +0.87%

หนี้ทั่วโลกพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ภาครัฐ-เอกชนใช้จ่ายเพิ่มสู้โควิด
สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) คาดการณ์ว่า หนี้สินทั่วโลกจะพุ่งแตะ 277 ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ภาครัฐและเอกชนมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น โดยนับถึงเดือนก.ย.ที่ผ่านมานั้นหนี้สินทั่วโลกอยู่ที่ 272 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า IIF เปิดเผยว่าจำนวนหนี้สินที่เพิ่มขึ้นมาจากรัฐบาลต่างๆ เป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งและส่วนใหญ่มาจากประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยหนี้สินของประเทศพัฒนาแล้วได้พุ่งแตะ 432% ของ GDP ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งมีหนี้สินคิดเป็นสัดส่วน 380% ของ GDP ส่วนอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ของตลาดเกิดใหม่อยู่ที่เกือบ 250% ในไตรมาส 3

“สี จิ้นผิง” ให้คำมั่นจีนเปิดเสรีการค้า-การลงทุน หนุนระบบการค้าพหุภาคี
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม APEC CEO Dialogues ก่อนที่การประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) จะจัดขึ้นในวันศุกร์นี้ ในโอกาสนี้ปธน.สีได้แสดงความหวังว่าประชาคมธุรกิจในเอเชีย-แปซิฟิกจะร่วมมือกันส่งเสริมการเปิดกว้างและการพัฒนา รวมทั้งหาทางผลักดันการเติบโตโดยใช้นวัตกรรมเป็นแรงขับเคลื่อน โดยนายสีคาดหวังว่าประเทศเอเชีย-แปซิฟิกจะเป็นหุ้นส่วนกันในความร่วมมือที่จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ปธน.สีเรียกร้องให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันเพื่อนำอนาคตที่สดใสมาสู่ทั้งเอเชีย-แปซิฟิกและทั่วโลก พร้อมกับย้ำว่าจีนยังคงสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีและให้คำมั่นว่าการเปิดกว้างด้านนโยบายของจีนนั้นจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

“ซูงะ” ชี้ญี่ปุ่นเข้าสู่โหมดเตือนภัยโควิดสูงสุด ติดเชื้อรายวันทะลุ 2 พันราย
นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะเตือนภัยขั้นสูงสุด หลังมีรายงานการพบยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ เขาต้องการให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในร้านอาหารให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และถอดออกเพื่อรับประทานอาหารในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังทางการญี่ปุ่นรายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 2,189 รายในวันพุธที่ 18 พ.ย. ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด และเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขดังกล่าวทะลุ 2,000 รายนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดขึ้นในประเทศ

ผู้ว่า ธปท.รับกำลังพิจารณามาตรการเหมาะสมมาดูแลบาทแข็งค่าเร็ว
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.อยู่ระหว่างพิจารณามาตรการเหมาะสมมาดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็ว ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ธปท.เข้าไปดูแลเงินบาทอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้จากช่วง 5 ปีที่ผ่านมาทุนสำรองทางการระหว่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นมากก็เป็นผลจากการดำเนินการดังกล่าว คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ระบุว่ากังวลเงินบาทแข็งค่าขึ้นเร็ว ซึ่งเป็นผลจากนักลงทุนต่างชาติที

ขอขอบคุณ  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

- Advertisement -