Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 9 ก.ย.65 by YLG

- Advertisement -

626

- Advertisement -

คำแนะนำ       เปิดสถานะซื้อ $1,704-1,694

จุดทำกำไร    ขายเพื่อทำกำไร $1,728-1,730

ตัดขาดทุน     ตัดขาดทุนสถานะซื้อหากหลุด $1,676

แนวรับ : 1,694 1,676 1,657  แนวต้าน : 1,730 1,745 1,765

สรุป

- Advertisement -

ราคาทองวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 10.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ในระหว่างวันราคาทองคำจะพุ่งขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,728.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติ “ขึ้น” อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก (Deposit Rate) 75 bps ในการประชุมเดือนก.ย. จากระดับ 0.00% สู่ระดับ 0.75% พร้อมส่งสัญญาณว่า ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในการประชุมหลายครั้งต่อจากนี้เพื่อคุมเงินเฟ้อ

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้ โดยได้รับแรงกดดันจาก

(1.) แรงขายทำกำไรและแรงขายทางเทคนิคหลังจากราคาทองคำเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป(Overbought)

(2.) กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 240,000 ราย และ

(3.) นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณในเชิง Hawkish โดยระบุว่าเฟดมีความมุ่งมั่น “อย่างแรงกล้า” ในการควบคุมเงินเฟ้อ และเฟดหวังว่าการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวจะไม่ทำให้เกิดต้นทุนทางสังคมที่สูงเกินไป พร้อมส่งสัญญาณไม่รีบเร่งในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน

- Advertisement -

สถานการณ์ดังกล่าวกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 75 bps ในการประชุมเดือนก.ย. จนส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์ฟื้นตัวลดช่วงติดลบ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.292% จนเป็นปัจจัยที่กดดันให้ราคาทองคำร่วงลงมาปิดตลาดใกล้ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -2.90 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด

ข่าวสารประกอบการลงทุน

  • (+) ยูโรแข็งค่าเทียบดอลล์ หลัง ECB ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (8 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.12% แตะที่ระดับ 109.7090 ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 0.9994 ดอลลาร์ จากระดับ 0.9985 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1500 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1502 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6748 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6753 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 144.01 เยน จากระดับ 144.13 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9716 ฟรังก์ จากระดับ 0.9782 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3095 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3140 ดอลลาร์แคนาดา
  • (+) ไม่แคร์จีน! สมาชิกสภาคองเกรสตบเท้าเยือนไต้หวันต่อเนื่อง สมาชิกสภาคองเกรงชุดใหม่ตบเท้าเดินทางเยือนไต้หวันในสัปดาห์นี้ ขณะที่ สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงตึงเครียดหนักอยู่ ในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดี สเตฟานี เมอร์ฟี สมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรคเดโมแครต จากรัฐฟลอริดา นำทีมสมาชิกรายอื่น ๆ เดินทางเข้าพบกับประธานาธิบดีไต้หวัน ไช่ อิง-เหวิน ซึ่งกล่าวว่า การเยือนของคณะผู้แทนสหรัฐฯ นี้ “นำส่งการสนับสนุนอันแข็งแกร่งดังหินผาจากสภาคองเกรสมาให้ไต้หวัน” ปธน.ไช่ ยัง ระบุด้วยว่า “ไต้หวันจะไม่ยอมจำนวนต่อแรงกดดันหรือการบีบบังคับ” และว่า “เราจะปกป้องสถาบันประชาธิปไตยและวิถีชีวิตของเรา ไต้หวันจะไม่ยอมถอยเป็นอันขาด”
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 193.24 จุด รับแรงซื้อหุ้นแบงก์-เฮลธ์แคร์ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (8 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเฮลธ์แคร์ หลังจากตลาดอ่อนแรงลงในช่วงแรก อันเนื่องมาจากการส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,774.52 จุด เพิ่มขึ้น 193.24 จุด หรือ +0.61%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,006.18 จุด เพิ่มขึ้น 26.31 จุด หรือ +0.66% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,862.13 จุด เพิ่มขึ้น 70.23 จุด หรือ +0.60%
  • (-) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 240,000 ราย
  • (-) นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 90% คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เดือนนี้ นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนนี้ หลังการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ภาคบริการที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 88% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 12% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%
  • (-) “พาวเวล” ย้ำเฟดมุ่งมั่นควบคุมเงินเฟ้อ ยังไม่ลดดอกเบี้ยเร็วๆนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดมีความมุ่งมั่น “อย่างแรงกล้า” ในการควบคุมเงินเฟ้อ และเฟดหวังว่าการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวจะไม่ทำให้เกิดต้นทุนทางสังคมที่สูงเกินไป นอกจากนี้ นายพาวเวลระบุว่า การยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือการปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ “ประวัติศาสตร์เตือนให้เราระวังการผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วเกินไป ผมขอยืนยันว่าผมและกรรมการเฟดมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าต่อการควบคุมเงินเฟ้อ โดยเราจะดำเนินการต่อไปจนกว่าภารกิจจะสำเร็จ และเราคิดว่าเราจะสามารถหลีกเลี่ยงต้นทุนทางสังคมในระดับสูงที่คุณพอล โวลเกอร์ อดีตประธานเฟด เคยทำไว้” นายพาวเวลกล่าวที่สถาบันคาโต
  • (+/-) ECB ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันนี้ ตามการคาดการณ์ของตลาด ทั้งนี้ ECB มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสู่ระดับ 0.75% และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์สู่ระดับ 1.25% รวมทั้งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สู่ระดับ 1.50% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 14 ก.ย. นอกจากนี้ ECB ยังส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยระบุว่า “อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงเกินไป และมีแนวโน้มอยู่สูงกว่าเป้าหมายของ ECB เป็นระยะเวลาหนึ่ง”

ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More