ทองปิดลบถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
ติดตามการอนุญาตก่อสร้างบ้าน การเริ่มก่อสร้างบ้านเดือนธ.ค.
ราคาทองคำมีแนวรับสำคัญที่ 1,800 ดอลลาร์
- ราคาทองคำ Spot เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงในระดับต่ำสุดบริเวณ 1,805 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นกว่า 1.88% จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิม
- คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยการอนุญาตก่อสร้างบ้านเดือนธ.ค. ตลาดคาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 1.71 ล้านยูนิตและการเริ่มก่อสร้างบ้านเดือนธ.ค. ตลาดคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 1.65 ล้านยูนิต
- ราคาทองคำ Spot คาดระยะสั้นมีแนวโน้มปรับตัวลง โดยราคาทองคำมีแนวรับสำคัญที่ 1,800 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ทั้งนี้มีแนวรับถัดไปที่ 1,790 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,825 ดอลลาร์ และ 1,830 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,812.86 | -5.67 | 1,800/1,790 | 1,825/1,830 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
28,450 | -100 | 28,300/28,150 | 28,600/28,750 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,550 | +60 | 28,460/28,300 | 28,800/28,960 |
แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,800 ดอลลาร์ (GF 28,300 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,790 ดอลลาร์ (GF 28,220 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,817.30 | +4.20 | 1,802/1,792 | 1,827/1,832 |
แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคา GOH22 ปรับลงมาที่ 1,802 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,792 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางค่าเงินบาทเมื่อวานนี้แข็งค่าต่อเนื่องหลุด 33 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังมากขึ้นต่อการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยว ภายหลังมีการเสนอศบค. ให้นำมาตรการ Test&Go กลับมาใช้อีกครั้ง ในขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทระยะสั้นคาดแข็งค่าได้ต่อ สำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.65 คาดจะมีแนวรับที่ 32.70 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33.35 บาท/ดอลลาร์
News
เกาหลีเหนือยืนยันยิงขีปนาวุธนำวิถี 2 ลูก ยิงเข้าเป้าอย่างแม่นยำ
สำนักข่าว KCNA ของรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานว่า ขีปนาวุธ 2 ลูกที่เกาหลีเหนือยิง เป็นขีปนาวุธนำวิถีทางยุทธวิธี (Tactical Guided Missile) ซึ่งสามารถยิงเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ “ขีปนาวุธทั้ง 2 ลูกที่ถูกยิงจากพื้นที่ฝั่งตะวันตกของเกาหลีใต้ สามารถยิงสู่เป้าหมายซึ่งเป็นเกาะแห่งหนึ่งในทะเลญี่ปุ่นได้อย่างแม่นยำ โดยวัตถุประสงค์ของการทดสอบยิงในครั้งนี้ คือการประเมินสมรรถนะของขีปนาวุธนำวิถีทางยุทธวิธี รวมทั้งการประเมินความแม่นยำของระบบอาวุธชนิดนี้” การรายงานของสำนักข่าว KCNA มีขึ้นหลังจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่นยืนยันว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยสั้น (Short-Range Ballistic Missile) จำนวน 2 ลูก ซึ่งเป็นการยิงขีปนาวุธครั้งที่ 4 ในปีนี้ สำนักข่าวยอนฮัปรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิง มีความเร็วมากกว่าขีปนาวุธที่ยิงเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ปีที่แล้ว หรืออาจจะมีความเร็วกว่าเสียงถึง 5 เท่า ทางด้านกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธแล้วอย่างน้อย 100 ลูกนับตั้งแต่นายคิม จอง อึน ก้าวขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดหลังจากการอสัญกรรมของนายคิม จอง อิล ผู้เป็นบิดา ในเดือนธ.ค. 2554 รายงานระบุว่า ในระหว่างการหารือทางโทรศัพท์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐ, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นได้แสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับโครงการพัฒนาขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
“เฟาชี” เผยยังเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดว่าโอมิครอนเป็นจุดจบของโควิด
นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะเป็นไวรัสที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของโควิด-19 จากการระบาดใหญ่ไปเป็นโรคประจำถิ่น นายเฟาชีกล่าวในการประชุม World Economic Forum ทางออนไลน์ว่า “นี่เป็นคำถามปลายเปิดที่ว่า โอมิครอนจะทำหน้าที่เป็นวัคซีนตามธรรมชาติอย่างที่ทุกคนคาดหวังหรือไม่” ทั้งนี้ นายเฟาชีกล่าวว่า สิ่งสำคัญในการจัดการกับโรคระบาดคือการมุ่งเน้นไปที่การสกัดการลุกลามอย่างครอบคลุม มากกว่าจะเป็นการผลิตวัคซีนต่อสู้กับทุกสายพันธุ์ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการวิจัยจึงควรเน้นไปที่การผลิตวัคซีนที่สามารถให้การป้องกันในวงกว้างจากโควิดหลาย ๆ สายพันธุ์ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์รายอื่น ๆ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของรัฐได้แสดงความคิดเห็นในเชิงบวกว่า การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของโอมิครอน รวมถึงการแสดงอาการของโรคที่ไม่รุนแรงมากนัก อาจเป็นการส่งสัญญาณให้มนุษย์เปลี่ยนมาสู่การอยู่ร่วมกับไวรัสไม่ต่างกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล นายอัลเบิร์ต บูร์ลา ซีอีโอของบริษัทไฟเซอร์เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เลอฟิกาโรของฝรั่งเศสว่า เขาเชื่อว่าผู้คนจะได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ในฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค.-มิ.ย.) หลังเผชิญกับโรคโควิด-19 ระบาดมานานกว่า 2 ปี
สหรัฐเตรียมรับมือโควิด หลังโอมิครอนยังแพร่ระบาดไม่ถึงจุดสูงสุด
นายแพทย์วิเวค เมอร์ธีย์ ศัลยแพทย์ใหญ่ของสหรัฐเตือนว่า สหรัฐต้องพร้อมรับมือกับสัปดาห์ที่ยากลำบากในหลายพื้นที่ของประเทศ เนื่องจากสหรัฐยังไม่พ้นจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNN นายแพทย์เมอร์ธีกล่าวถึงข่าวดีที่เกี่ยวกับยอดผู้ติดเชื้อที่ลดลงในรัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เช่น นครนิวยอร์ก และนิวเจอร์ซีย์ แต่เสริมว่า ยังมีความท้าทายรออยู่ข้างหน้า นายแพทย์เมอร์ธีกล่าวว่า “ความท้าทายนั้นคือทั้งประเทศไม่ได้ก้าวไปพร้อม ๆ กัน” พร้อมระบุว่า “เราไม่ควรคาดหวังว่าสหรัฐจะพ้นจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดในอีกเพียงไม่กี่วันข้างหน้า” นอกจากนี้ นายควินตัน ลูคัส นายกเทศมนตรีเมืองแคนซัสซิตี้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CBS ว่า “เราได้เห็นความท้าทายอย่างมหาศาลในระบบสาธารณสุขของเรา” ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อโอมิครอนล้นโรงพยาบาลในเมืองแคนซัสซิตี้ พร้อมเสริมว่า “มันเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างมาก”
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.