ดัชนี CPI พุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2525
คืนนี้สหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.
แนวโน้มราคาทองคำคาดปรับตัวลงสู่แนวรับ 1,820 ดอลลาร์
- ราคาทองคำ Spot เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้น ภายหลังจากการเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงพุ่งขึ้นในระดับสูง โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 7.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก และนับว่าเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2525 ส่งผลให้เป็นแรงหนุนต่อการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมจากเมื่อวาน
- คืนนี้สหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.ของม.มิชิแกน (เบื้องต้น) ตลาดคาดว่าจะเทรงตัวที่ระดับ 67.2
- แนวโน้มราคาทองคำคาดปรับตัวลงสู่แนวรับ 1,820 ดอลลาร์ โดยราคาทองคำมีแนวรับ 1,820 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไปที่ 1,810 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,840 ดอลลาร์ และ 1,850 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | Support | Resistance |
1,826.49 | 1,820/1,810 | 1,840/1,850 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | Support | Resistance |
28,350 | 28,200/28,100 | 28,600/28,800 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | Support | Resistance |
28,370 | 28,340/28,220 | 28,670/28,800 |
แนะนำเข้าซื้อราคาทอง Spot ที่ 1,810 ดอลลาร์ (GF 28,220 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,800 ดอลลาร์ (GF 28,100บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | Support | Resistance |
1,831.00 | 1,822/1,812 | 1,842/1,852 |
แนะนำเข้าซื้อราคา GOH22 ที่ 1,812 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,802 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องมากสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง ซึ่งค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วมาจากกระแสเงินทุนไหลเข้าในตลาดพันธบัตร ทั้งนี้ระยะสั้นแนวโน้มค่าเงินบาทแข็งค่าได้ต่อ สำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.65 มีแนวรับที่ 32.50 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33 บาท/ดอลลาร์
News
สหรัฐจ่อฉีดไฟเซอร์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี 21 ก.พ.นี้ รอ FDA ไฟเขียว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข้อมูลในเอกสารจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ ซึ่งระบุว่า หากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์และไบออนเทค เอสอี ให้กับเด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปี รัฐบาลสหรัฐก็จะทำการแจกจ่ายวัคซีนเบื้องต้นจำนวน 10 ล้านโดสไปยังรัฐและหน่วยงานต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.นี้ ไฟเซอร์และไบออนเทคระบุว่า ได้ส่งข้อมูลประกอบการอนุมัติตามคำขอของ FDA เนื่องจากมีความจำเป็นเร่งด่วนด้านสาธารณสุขสำหรับกลุ่มเด็กวัยดังกล่าว แม้ผลการทดลองกับเด็กกลุ่มอายุ 2-4 ปีก่อนหน้านี้พบว่า ได้ระดับภูมิคุ้มกันต่ำกว่าที่คาดก็ตาม ทั้งนี้ FDA เตรียมประชุมทางไกลกับกลุ่มที่ปรึกษาในวันที่ 15 ก.พ.นี้ เพื่อหารือว่า ควรอนุมัติการใช้วัคซีนดังกล่าวในกรณีฉุกเฉินกับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีหรือไม่ ซึ่งเป็นกลุ่มอายุเดียวที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ด้าน CDC ระบุว่า ในสหรัฐมีเด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปีอยู่ราว 18 ล้านคน และจะมีการเพิ่มปริมาณวัคซีนจาก 10 ล้านโดสแรก หาก FDA อนุมัติ พื้นที่ซึ่งมีเด็กกลุ่มเสี่ยงสูงที่จะเจ็บป่วยรุนแรงจากโรคโควิด-19 นั้น จะได้รับวัคซีนล็อตแรกก่อนโดยจะเริ่มแจกจ่ายในวันที่ 21 ก.พ.นี้
“โกลด์แมน แซคส์” คาดบอนด์ยีลด์สหรัฐดีดแตะ 2.25% ปลายปีนี้
โกลด์แมน แซคส์ประกาศปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี สู่ระดับ 2.25% ภายในปลายปีนี้ และจะแตะระดับ 2.45% ในปลายปี 2566 ก่อนหน้านี้ โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี แตะระดับ 2.00% ภายในปลายปีนี้ และจะแตะระดับ 2.30% ในปลายปี 2566 พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ประธานเฟดแอตแลนตาคาดเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งปีนี้
นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาเห็นว่าการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้นครั้งละ 0.25% ถือว่ามีความเหมาะสม แต่เขาก็คาดว่าเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้ง “เราคงต้องดูว่าเศรษฐกิจจะมีการตอบสนองอย่างไรหลังเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก ซึ่งอาจเกิดขึ้นในเดือนมี.ค.” นายบอสติกกล่าวต่อสำนักข่าว CNBC นอกจากนี้ นายบอสนิกกล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อในเศรษฐกิจสหรัฐอาจกำลังเริ่มชะลอตัวลง “ผมมีความหวังว่าเราจะเริ่มเห็นเงินเฟ้อปรับตัวลง โดยมีหลักฐานบางอย่างบ่งชี้เรื่องนี้” เขากล่าว นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาเชื่อว่าเฟดยังคงสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ย “ได้อีกมาก” โดยไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 35% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 14% ทางด้านแบงก์ ออฟ อเมริกาออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 7 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้นครั้งละ 0.25% หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่แบงก์ ออฟ อเมริกาคาดการณ์ หมายความว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทั้ง 7 ครั้งที่เหลือในปีนี้ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค. การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 7 ครั้งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดพุ่งแตะ 1.75-2.00% ในปลายปีนี้ จากปัจจุบันที่ระดับ 0.00-0.25% นอกจากนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกายังคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 จนแตะระดับ 2.75-3.00% ก่อนที่จะมีการทบทวนนโยบายการเงิน
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.