Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 6 ส.ค.63 (YLG)

- Advertisement -

0 560

- Advertisement -

06-08-20

แนะนำซื้อขายทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว โดยบริเวณแนวรับโซน 2,033-2,028 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาสามารถยืนเหนือโซนดังกล่าวได้  อาจเข้าซื้อลงทุนระยะสั้นเพื่อรอขายทำกำไรในโซนแนวต้าน  2,045-2,056 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านได้ถือต่อ

แนวรับ : 2,028 2,011 2,000 แนวต้าน : 2,056 2,069 2,084

สรุป  ราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้นอีก 21.57 ดอลลาร์ต่อออนซ์  หลังจากในระหว่างวันราคาทองคำทะยานขึ้นไปทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่บริเวณ 2,055.71 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ท่ามกลางแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมือง  ขณะที่การเปิดเผยการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐจาก ADP ที่เพิ่มขึ้นเพียง 167,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1 ล้านตำแหน่งช่วยสร้างแรงหนุนให้แก่ทองคำเพิ่มเติม  นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์  จากความวิตกว่า  การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งทางการเงินและการคลังขนานใหญ่ของสหรัฐเพื่อรับมือผลกระทบจาก COVID-19 จะส่งผลกดดันให้สกุลเงินดอลลาร์  จนเร่งบั่นทอนสถานะของดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองที่สำคัญของโลก  ทั้งนี้  แรงขายดอลลาร์กดดันให้ดัชนีดอลลาร์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีบริเวณ  92.563  อย่างไรก็ดี  สกุลเงินดอลลาร์ลดช่วงติดลบ  ประกอบกับเกิดแรงขายทำกำไรสลับออกมาซึ่งทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมาปิดตลาดบริเวณ 2,037.95 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +10.23 ตัน สู่ระดับ 1,267.96 ตัน ทำให้ในปี 2020 กองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่มแล้วถึง +374.71 ตันสะท้อนกระแสเงินทุนที่ไหลเข้ากองทุน ETF ทองแข็งแกร่ง  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

- Advertisement -

  • (+) ดอลล์อ่อนเทียบสกุลเงินหลัก หลังตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐซบเซา  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) หลังจากมีรายงานว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนักในสหรัฐ  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.55% แตะที่ 92.8665 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 105.62 เยน จากระดับ 105.76 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9084 ฟรังก์ จากระดับ 0.9144 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3280 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3342 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1860 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1783 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3115 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3057 ดอลลาร์
  • (+) ADP เผยภาคเอกชนสหรัฐจ้างงานต่ำกว่าคาดในเดือนก.ค.  ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 167,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1 ล้านตำแหน่ง และต่ำกว่าอย่างมากจากระดับ 4.314 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
  • (-) “มาร์กิต”เผยดัชนี PMI ภาคบริการสหรัฐมีเสถียรภาพในเดือนก.ค. หลังจากหดตัว 5 เดือน  ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนี PMIภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 50.0 ในเดือนก.ค. จากระดับ 47.9 ในเดือนมิ.ย.
  • (-) ISM เผยดัชนีภาคบริการสหรัฐสูงสุดรอบกว่า 1 ปีในเดือนก.ค.  ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.1 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 57.1 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 55.0 หลังจากดิ่งลงแตะระดับ 41.8 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2552
  • (-) สหรัฐทุ่มกว่า 1 พันล้านดอลล์สั่งจองวัคซีนต้านโควิดของ J&J  บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐได้ทำข้อตกลงวงเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์กับทางบริษัท เพื่อพัฒนาและส่งมอบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 100 ล้านโดส ทันทีที่วัคซีนดังกล่าวได้รับการรับรองว่ามีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในมนุษย์  นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐยังมีสิทธิที่จะสั่งซื้อวัคซีนเพิ่มเติมอีก 200 ล้านโดส 
  • (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 373.05 จุด รับผลประกอบการสดใส,มาตรการกระตุ้นศก.คืบหน้า  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทวอลท์ ดิสนีย์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลดัชนีภาคบริการของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่ง รวมทั้งความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,201.52 จุด พุ่งขึ้น 373.05 จุด หรือ +1.39% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,327.77 จุด เพิ่มขึ้น 21.26 จุด หรือ +0.64% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,998.40 จุด เพิ่มขึ้น 57.23 จุด หรือ +0.52%
  • (+/-) ปธ.เฟดมินเนอาโพลิสแนะ”ทรัมป์”ใช้ยาแรงล็อกดาวน์สหรัฐ 4-6 สัปดาห์ หากหวังฟื้นเศรษฐกิจ  นายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินเนอาโพลิส กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับประโยชน์ หากรัฐบาลสหรัฐประกาศล็อกดาวน์ประเทศอย่างสิ้นเชิงเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์  “เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง แต่เราต้องสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งถ้าเราไม่ปิดประเทศ และปล่อยให้ไวรัสยังคงมีการแพร่ระบาด ขณะที่มีการล็อกดาวน์ในระดับท้องถิ่นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า เราก็จะเห็นธุรกิจอีกมากมายล้มละลาย ซึ่งจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยิ่งประสบความล่าช้า” นายแคชแครีกล่าวในรายการ Face the Nation ของสถานีโทรทัศน์ CBS

ขอขอบคุณ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

- Advertisement -

Leave A Reply

Your email address will not be published.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More