นางสาว ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG เปิดเผยกับ GoldAround.com ว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นไตรมาส 2 (30 มิ.ย. 2021) ราคาทองคำในตลาดโลก(Gold Spot) ปรับตัวลดลง 128.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 6.75% จากราคาเปิดปีที่ 1,897.90 ดอลลาร์ สู่ระดับ 1,769.80 ดอลลาร์
ขณะที่ราคาทองคำในประเทศ ปรับตัวลดลงเพียง 150 บาทต่อบาททองคำ หรือ -0.56% จากราคาเปิดปีที่ 26,850 บาทต่อบาททองคำ สู่ระดับ 26,700 บาทต่อบาททองคำ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินบาท
ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันเงินบาทอ่อนค่าลงถึง 2 บาท หรือราว 6.80% จากระดับ 29.99 บาทต่อดอลลาร์ สู่ระดับ 32.02 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้เงินบาทที่เปลี่ยนแปลงไปทุกๆ 10 สตางค์จะส่งผลต่อราคาทองคำในประเทศราวๆ 88-90 บาทต่อบาททองคำ
ส่วนการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลัง YLG ประเมินว่า ในระยะสั้นราคาทองคำหลุดเทรนด์ไลน์ขาขึ้น และกลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางขาลงในระยะสั้นอีกครั้ง โดยระยะกลางกลับลงมาเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway Down (Downtrend Line สีแดง) และราคาทองคำลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น-กลาง-ยาว ทั้ง 10, 21, 50, 100 และ 200 วัน จึงสะท้อนมุมมองเชิงลงได้เป็นอย่างดี
“ทำให้ภาพรวมทางเทคนิคในระยะสั้นราคาทองคำมีการจบรอบขาขึ้น กลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางขาลง ขณะที่ระยะกลางมีการจบรอบขาขึ้นและเปลี่ยนกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway Down อีกครั้ง”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าว
อย่างไรก็ดี หลังจากราคาทองคำดิ่งลงแรงทำระดับต่ำสุดของเดือน มิ.ย. บริเวณ 1,751 ดอลลาร์ ได้เริ่มมีแรงซื้อเข้าพยุงให้ราคาฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ ประกอบกับในทางเทคนิคราคาทองคำอยู่ภาวะขายมากเกินไป และสัญญาณทางเทคนิคเริ่มบ่งชี้ว่าแรงขายในช่วงที่ผ่านมาเริ่มชะลอตัวลง จึงประเมินว่าในระยะสั้นหากราคาหยุดการทำระดับต่ำสุดครั้งใหม่ อาจเกิดการดีดตัวกลับบ้าง
ทั้งนี้ YLG ได้แนะนำกลยุทธ์การลงทุน โดยให้แบ่งทองคำออกขายเมื่อราคาดีดตัวขึ้น โดยประเมินแนวต้านแรกโซน 1,826 ดอลลาร์ หากสามารถยืนได้จะทำให้แรงขายลดลง ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,872 ดอลลาร์ (ระดับสูงสุดของเดือนก.พ.)
ส่วนการเข้าซื้อจับตาบริเวณแนวรับแรก 1,751-1,733 ดอลลาร์ หากยืนอยู่ได้จะเกิดการแกว่งตัวออกด้านเพื่อสร้างฐานของราคา หรือราคามีโอกาสฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะใช้เป็นจุดซื้อเพื่อทำกำไรจากการดีดตัวในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากทิศทางในระยะสั้นยังอยู่แนวโน้มขาลง และหากหลุดแนวดังกล่าวจะทำให้แนวโน้มราคาทองคำยิ่งมีมุมมองเชิงลบเพิ่มขึ้น และราคามีโอกาสอ่อนตัวลงต่อ ทดสอบแนวรับถัดไปโซน 1,717 ดอลลาร์ (ระดับต่ำสุดของเดือนก.พ.)
ส่วนในระยะยาว YLG ยังคงตั้งกรอบเป้าหมายราคาทองคำในปีนี้ที่ระดับ 1,960-1,958 ดอลลาร์ หรือ 29,750 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งได้ตั้งเป้านี้มาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว และจะเห็นได้ว่าราคาทองคำในปีนี้ได้ทดสอบกรอบเป้าหมายแรกของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อราคาไม่สามารถทะลุแนวดังกล่าวไปได้จึงเกิดการปรับตัวลงเพื่อสะสมกำลังอีกครั้ง
ทั้งนี้หากราคาทองคำสามารถผ่านกรอบเป้าหมายแรกไปได้ YLG ประเมินว่าจะมีโอกาสให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อโดยมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 2,075 ดอลลาร์ หรือ 31,500 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งถือเป็นโซนระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ราคาเคยขึ้นไปทดสอบในช่วงเดือน ส.ค.ปี 2020
ส่วนกรอบแนวรับแรกของปีนี้ YLG ขยับลงมาอยู่บริเวณ 1,676-1,630 ดอลลาร์ หรือ 25,400-24,700 บาทต่อบาททองคำ หากไม่หลุดราคาจะยังคงรักษาแนวโน้มเชิงบวกไว้ได้ ทำให้ราคายังคงมีโอกาสทดสอบแนวต้าน แต่หากราคาเกิดหลุดแนวรับแรก มุมมองเชิงบวกจะลดลง ราคามีโอกาสอ่อนตัวลงต่อทดสอบแนวรับถัดไปโซน 1,530 ดอลลาร์ หรือ 23,200 บาทต่อบาททองคำ (ฐานของราคาทองคำในปี 2012)
ขอบคุณ ข้อมูล บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.