มาดูอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในช่วงนี้ คือ เรื่องการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อให้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ให้มีงบประมาณใช้จ่าย และเรื่องขยายหรือยกเลิกเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ไปจนถึงสิ้นปี 2565 เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่สหรัฐฯ จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
เมื่อวานนี้ ทางสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้มีมติผ่านทั้ง 2 เรื่องไปแล้ว ก่อนส่งร่างกฎหมายดังกล่าวไปยังวุฒิสภา เพื่อให้การรับรองเป็นลำดับต่อไป ท่ามกลางกระแสข่าวว่าวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายราย ยืนกรานว่าจะไม่โหวตรับรองร่างกฎหมายดังกล่าว ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องเร่งหาทางออกเพื่อให้เกิดความเสียหายตามา
หนึ่งในทางออกของเรื่องดังกล่าวมีการหยิบยกพูดถึง คือ การที่กรมธนารักษ์จะผลิต เหรียญ แพลตตินั่ม มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ และฝากไว้ที่ Federal Reserve เพื่อแลกกับหนี้รัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ซึ่งแนวคิดนี้เคยถูกหยิบมาพูดถึงในการอภิปรายเรื่องเพดานหนี้ครั้งใหญ่เมื่อสิบปีที่แล้ว แต่ในที่สุดก็ถูกปฏิเสธโดยฝ่ายบริหารของ บารัค โอบามา
ตามทฤษฎีแล้ว Janet Yellen รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ สามารถสั่งผลิตเหรียญแพลต ตินั่มได้ เพื่อหลีกเลี่ยงหากไม่สามารถยกเลิกเพดานหนี้ได้ทันเวลา แต่การกระทำดังกล่าวจะไม่เหมือนกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่ใช้จ่ายในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงการระบาดของ COVID-19
ทั้งนี้ เหรียญที่ผลิตขึ้นจะเหมือนกับ QE ของกระทรวงการคลัง โดยจะเป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ ทั้งนี้ เฟด จะได้รับเหรียญเพื่อเก็บไว้ในงบดุล และกระทรวงการคลังได้หนี้กลับคืนมา ไม่มีรายจ่ายใหม่ แค่ต่างฝ่ายต่างทำการเปลี่ยนแปลงบัญชี แต่วิธีการนี้ อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังได้ระบุว่า มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเพดานหนี้ พร้อมเรียกร้องให้รัฐสภาทำหน้าที่แทน
ด้าน Mike Gwin White House spokesperson ระบุว่า มีเพียงทางเลือกเดียวที่สามารถจัดการกับเพดานหนี้ได้ คือ สภาคองเกรสต้องเพิ่ม หรือ ระงับเพดานหนี้ อย่างที่เคยทำมาแล้วประมาณ 80 ครั้ง รวมถึง 3 ครั้งในช่วงการบริหารครั้งล่าสุด
มีรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา อดีตเลขาธิการกระทรวงการคลัง ได้ส่งจดหมายถึงสภาคองเกรส โดยระบุว่า ความล้มเหลวในการกำหนดเพดานวงเงินหนี้ และการปล่อยให้รัฐบาลผิดนัดชำระหนี้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน อาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ
ทั้งนี้ คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก Janet Yellen ได้ออกแถลงการณ์หลายฉบับในเดือนสิงหาคมและกันยายน โดยระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจประสบภาวะถดถอย หากสภาคองเกรสไม่รีบปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาล โดยกระทรวงการคลังจะขาดดุลเงินสด และรัฐบาลจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ในเดือนตุลาคม จะทำให้เกิดหายนะทางเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่น พร้อมระบุว่า ในที่สุดเราก็โผล่ออกมาจากวิกฤตโรคระบาด แต่อย่าพาตัวเองเข้าสู่วิกฤตเรื่องการเงิน
ที่มา : Kitco
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.