ราคาทองคำ วันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง 10.72 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันหลังจากนักลงทุนกลับมาเปิดรับความเสี่ยง จากนโยบายผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ โดย อิตาลีเตรียมเสนอแผนอนุญาตให้ธุรกิจเปิดทำการอีกครั้งในวันที่ 4 พ.ค.นี้ ขณะที่หลายรัฐในสหรัฐ อาทิ รัฐอลาสกา, จอร์เจีย, เซาธ์ แคโรไลนา, เทนเนสซี และเท็กซัส ได้เริ่มให้ร้านอาหารกลับมาเปิดให้บริการแก่ลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐนิวยอร์ก ที่เป็นศูนย์กลางการระบาดในสหรัฐ จะเริ่มเปิดเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะมีการเปิดภาคการก่อสร้างและการผลิตในเฟสแรก
นอกจากนี้ ยังมีบางรัฐของออสเตรเลีย เช่น ควีนส์แลนด์ จะเริ่มผ่อนคลายกฎ Social Distancing ในสัปดาห์นี้ ความหวังที่ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะทยอยกลับมาเป็นปกตินั้น ส่งผลให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นจนหนุนให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 358.51 จุด พร้อมกดดันการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย สะท้อนจากการร่วงลงของทั้งราคาทองคำ, ดัชนีดอลลาร์ และราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังทรงตัวอยู่เหนือ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากคาดการณ์ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงินเพิ่มเติม
ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในวันนี้ หากราคายังไม่หลุดต่ำกว่าแนวรับโซน 1,694 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็ยังมีโอกาสลุ้นขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,720-1,728 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดต่ำกว่าแนวรับแรก ราคาทองคำอาจย่อลงมาที่ 1,678-1,657 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งต้องระวังหากราคาทองคำปรับตัวลงเข้าใกล้โซนดังกล่าว