Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

YLG ชี้ทองคำยังแกร่ง ไม่หวั่น เฟด ใช้ยาแรง หลังตัวเลข ศก.ออกมาแย่กว่าที่คาด

- Advertisement -

411

- Advertisement -

หลังจากราคาทองคำปิดตลาดในปี 2021 ด้วยการปรับตัวลดลง 68.66 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ หรือ -3.62% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงในรายปีที่มากที่สุดในรอบ 6 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2015 ที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงราว 10%

ขณะที่ ราคาทองคำปี 2022 เปิดปีที่ 1,828 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะอ่อนตัวลงทำระดับต่ำสุดที่ 1,782 ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วสุด ในการประชุมนโยบายการเงินเดือน มี.ค. ซึ่งเป็นเดือนเดียวกันที่มาตรการ QE ของเฟดสิ้นสุดลง

คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG กล่าวกับ GoldAround.com ว่า แม้ว่าราคาทองคำจะถูกกดดันจากนโยบายของ เฟด แต่ตลาดได้ Price in

การคาดการณ์ดังกล่าวมาพอสมควรแล้ว จึงทำให้ราคาทองคำมีการฟื้นตัวกลับมาเคลื่อนไหวไม่ไกลจากระดับสูงสุดของ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาบริเวณ 1,829-1,831 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งสะท้อนว่าราคาทองคำมีความยืดหยุ่นต่อปัจจัยลบดังกล่าวมากพอสมควร

- Advertisement -

นอกจากนี้ เชื่อว่าแรงซื้อส่วนหนึ่งเมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลง มาจากอุปสงค์ของผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างจีนในช่วงก่อนที่เทศกาลตรุษจีนกำลังจะมาถึง สะท้อนจากค่าพรีเมียมในจีนที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4-5 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเทียบกับค่าพรีเมียมที่ 3.5-5 ในสัปดาห์ก่อนหน้า

มาดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ได้มีการเปิดเผยในช่วงครึ่งเดือนแรก จะเห็นได้ว่า แม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 199,000 ตำแหน่งในเดือน ธ.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 422,000 ตำแหน่ง แต่อัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2020 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4.1%

ส่วนค่าจ้างรายชั่วโมง โดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 4.7% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่าตลาดแรงงงานของสหรัฐฯ ยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง และยังอยู่ในระดับแข็งแกร่ง

ขณะที่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.0% ในเดือน ธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 1982 (ในรอบเกือบ 40 ปี)

- Advertisement -

จะเห็นได้ว่า เงินเฟ้ออยู่สูงกว่าเป้าหมายของ เฟด ที่ 2% อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดแรงงานอยู่ในระดับ หรือใกล้จะถึงระดับการจ้างงานเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของ เฟด

สอดคล้องรายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำเดือน ธ.ค. ที่บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ อยู่ใน “ภาวะตึงตัวอย่างมาก” ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้เฟด ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับลดการถือครองสินทรัพย์ ( ลดขนาดงบดุล ) ทั้งหมดด้วย

”YLG ประเมินว่า เฟด จะเดินหน้าแผนการคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไปในปีนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ปัจจุบันตลาดกำลัง price in ความน่าจะเป็นราว 90% ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในเดือน มี.ค. และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้ง ครั้งละ 25 bps ในปีนี้

ขณะที่ ธนาคารชั้นนำได้ออกมาปรับเพิ่มการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ อาทิ JPMorgan Chase & Co , Goldman Sachs รวมถึง Deutsche Bank คาดการณ์สอดคล้องกันว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดทั้งหมด 4 ครั้งในปีนี้ และคาดว่าการลดงบดุลของเฟดจะเริ่มขึ้นในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG กล่าว

การคาดการณ์ดังกล่าว เป็นปัจจัยสำคัญที่จะหนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งค่า พร้อมกับหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งขึ้น

ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย

ทำให้นักลงทุนยังคงต้องเน้นเล่นสั้นและระมัดระวังแรงขายที่อาจเกิดจากปัจจัยกดดันดังกล่าว

ขอขอบคุณ : YLG

- Advertisement -

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More