ราคาทองคำ ได้พุ่งแตะ 2,070 ดอลลาร์ เมื่อช่วงต้นเดือน มี.ค. ก่อนที่จะปรับลดลงมาแถว 1,910 ก่อนที่จะประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อช่วงวันที่ 16-17 มี.ค.
และเมื่อผลประชุมออกมา ราคาได้ดีดตัวขึ้นแตะ 1,949 ดอลลาร์ ซึ่งรายละเอียดผลการประชุมได้ส่งผลบวกและลบต่อราคาทองคำ
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG มองการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในระยะสั้นว่า
มีโอกาสที่จะปรับฐาน ซึ่งในช่วงก่อนหน้านี้ ราคาทองคำมีมุมมองเชิงบวก หลังจากราคาทองคาทะลุขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกระยะได้อย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ ราคาทองคำ ยังสามารถ break out กรอบ triangle ที่ราคามีการฟอร์มตัวเพื่อสะสมกำลังมาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี อีกทั้งยังทะลุผ่านระดับสูงสุดของปี 2021 ที่ 1,960 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ไปได้
ขณะที่ ราคาทองคำมีการยกระดับต่ำสุดขึ้น และทำระดับสูงสุดใหม่ ต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปี 2021 จนถึงปัจจุบันสะท้อนว่า ราคาเคลื่อนไหวในลักษณะทิศทางขาขึ้นอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ดี YLG เน้นย้ำเสมอว่า ราคาทองคำไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเส้นตรง ทำให้ทองคำถูกขายทำกำไร หลังจากก่อนนี้ราคาพุ่งขึ้นจนกระทั่งเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought)
ประกอบกับเกิดสัญญาณที่บ่งชี้ว่า แรงซื้อเริ่มชะลอตัวลง อาทิ RSI Bearish Divergence ใน TF ราย 1 และ 4 ชม. จึงทำให้เกิดขายทำกำไร และแรงขายทางเทคนิคต่อเนื่อง ทำให้ทิศทางราคาทองคำในระยะสั้นอยู่ในลักษณะของการปรับฐาน
ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในระยะยาว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG มองว่า จากกราฟจะเห็นได้ว่าทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น สะท้อนจากการที่ราคาทองคำมีการยกระดับต่ำสุดขึ้นต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2018, 2019, 2020 และ 2021 พร้อมกันนี้ ยังทำระดับสูงสุดต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2017, 2018, 2019, 2020
แม้ว่าในปี 2021 ราคาจะไม่สามารถทำระดับสูงสุดที่เหนือกว่าปีก่อนหน้าได้ แต่ล่าสุดในปี 2022 ราคาทองคำได้ทะลุผ่านระดับสูงสูงสุดของปี 2021 บริเวณ 1,960 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ได้ ทำให้ทิศทางราคาทองคำบวก จนทาให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อ ขึ้นมาทดสอบมีเป้าหมายถัดไปของ YLG ซึ่งอยู่ที่ 2,075 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ซึ่งถือเป็นโซนระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ราคาเคยขึ้นไปทดสอบในช่วงเดือน ส.ค.ปี 2020
แม้ว่าราคาทองคาในปัจจุบันมีการปรับตัวลงในลักษณะของการปรับฐาน แต่ตราบใดที่ราคาทองคำสามารถทรงตัวในกรอบ Uptrend Line สีเขียวซึ่งอยู่ที่ 1,800 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ยังมองว่าราคาทองคำยังคงรักษาระดับอยู่ในทิศทางขาขึ้นต่อไป และยังมีโอกาสทดสอบกรอบเป้าหมายของปีที่ 2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้
แต่หากราคาหลุดกรอบ Uptrend Line สีเขียวซึ่งอยู่ที่ 1,800 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ จะทาให้มุมมองเชิงบวกลดลง และราคามีแนวโน้มจะลงไปสร้างฐานบริเวณแนวรับสำคัญ และเป็นฐานของราคาทองคาในปี 2021 บริเวณ 1,676-1,630 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ อีกครั้ง
และหากราคาหลุดบริเวณ 1,676-1,630 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ จะทาให้ทิศทางราคาในระยะยาวเปลี่ยนเป็นเป็นลบ โดยมีโอกาสปรับฐานในรูปแบบที่ลึก และมีเป้าแนวรับถัดไปจะอยู่ในโซน 1,530 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ (ฐานของราคาทองคำในปี 2012)
ขอขอบคุณ : YLG
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.