หลังจากที่เมื่อวานนี้ ราคาทองคำแสดงความแข็งแกร่งอย่างน่าทึ่ง โดยสามารถยืนเหนือแนวรับจิตวิทยาสำคัญที่ $4,100 ได้สำเร็จ
โมเมนตั้มของตลาดก็เปลี่ยนไปทันที นักลงทุนจำนวนมากเริ่มมองข้ามแนวต้านที่ $4,200 ไปแล้ว พร้อมกับตั้งคำถามใหม่ที่ท้าทายกว่าเดิมว่า “$4,300 จะมาเมื่อไหร่?”
วันนี้ เราจะมาเจาะลึกกันว่า จากสัญญาณทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานที่ร้อนแรงอย่าง “สงครามการค้า” และ “US Government Shutdown” เป้าหมายถัดไปที่ $4,300 นั้น มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
การวิเคราะห์ทางเทคนิค ภาพรวมทางเทคนิคตอนนี้ถือว่าอยู่ในภาวะกระทิง (Bullish) อย่างชัดเจน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากฐานแนวรับที่แข็งแกร่ง
การที่เมื่อวานนี้ราคาสามารถยืนเหนือ $4,100 ได้นั้นสำคัญมาก ทำให้โซนนี้ได้กลายเป็น “ฐานที่มั่นใหม่” ของฝั่งซื้อไปแล้ว ตราบใดที่ราคายังไม่หลุดแนวรับนี้ แนวโน้มขาขึ้นยังคงได้เปรียบอย่างสูง
เป้าหมายถัดไป (Price Target) นักวิเคราะห์จากหลายสำนักเริ่มใช้หลักการ “Measured Move” ซึ่งเป็นการวัดระยะการขึ้นของรอบก่อนหน้าเพื่อหาเป้าหมายของรอบปัจจุบัน จากการทะลุฐานราคาครั้งล่าสุด มีการประเมินเป้าหมายที่เป็นไปได้ในระยะกลางไว้ที่บริเวณ $4,300 – $4,400 เลยทีเดียว (อ้างอิงจากการวิเคราะห์ที่เคยให้เป้าไว้ที่ $4,400)
โมเมนตั้มยังคงอยู่ แม้ว่าจะมีคำเตือนจากนักวิเคราะห์บางส่วนว่าตลาดอาจ “ซื้อมากเกินไป” (Overbought) ในระยะสั้น แต่ตราบใดที่ราคายังคงสร้างจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) และจุดต่ำสุดใหม่ที่ยกสูงขึ้น (Higher Low) ได้ต่อเนื่อง โมเมนตัมก็ยังคงอยู่กับฝั่งกระทิง
ทั้งนี้ ให้แนวรับที่ $4,100 / $4,080 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ $4,200 (แนวต้านย่อย) / $4,300 (เป้าหมายหลัก)
1.ปัจจัยพื้นฐานในตอนนี้เปรียบเสมือน “เชื้อเพลิงชั้นดี” ที่ผลักดันราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยมี 2 ปัจจัยหลักที่นักลงทุนให้ความสนใจ คือ US Government Shutdown การที่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องปิดทำการชั่วคราว สร้างความไม่แน่นอนอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ นักลงทุนจะขาดข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจ (เช่น ตัวเลขการจ้างงาน, GDP) ทำให้เกิดความกังวลและต้องวิ่งเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ซึ่ง “ทองคำ” คือตัวเลือกอันดับแรก ๆ
ผลกระทบ US Government Shutdown จากข้อมูลล่าสุดของ Times of India และ Bloomberg ระบุชัดเจนว่า การ Shutdown ครั้งนี้ เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ทองทะลุ $4,000 และยิ่ง Shutdown ยืดเยื้อนานเท่าไร ก็จะยิ่งกดดันค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง ซึ่งเป็นผลดีโดยตรงต่อราคาทองคำ
ส่วนเรื่องสงครามการค้า (Trade War) เป็นตัวกระตุ้นความกลัว โดยล่า สุดมีรายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศจะใช้มาตรการกีดกันทางการค้าครั้งใหม่กับจีน ซึ่งจุดประกายความกลัวเรื่องสงครามการค้ารอบใหม่ให้กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง สถานการณ์เช่นนี้สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดหุ้นและค่าเงินทั่วโลก
ซึ่งเรื่องดังกล่าวมักนำไปสู่ 2 สิ่งที่ดีต่อราคาทองคำ คือ
1) ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้น และ
2) การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ควบคู่ไปกับการที่ธนาคารกลางทั่วโลก (โดยเฉพาะฝั่งตะวันออก) เร่งกระจายความเสี่ยงออกจากดอลลาร์มาสู่ทองคำ (De-dollarization) ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อมาดูบทสรุป จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เรียกได้ว่า “เข้าทาง” ทองคำอย่างแท้จริง ในทางเทคนิค มีเป้าหมายที่ชัดเจนที่บริเวณ $4,300 โดยมีแนวรับที่แข็งแกร่งคอยหนุน
ขณะที่ ในทางพื้นฐานก็มีปัจจัยขับเคลื่อนชั้นยอด ทั้งความไม่แน่นอนจาก Government Shutdown และความกลัวจาก สงครามการค้า คอยเติมเชื้อไฟอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น คำถามที่ว่า “$4,300 จะมาเมื่อไหร่?” อาจตอบได้ว่า “อาจจะเร็วกว่าที่หลายคนคาดคิด” ตราบใดที่ 2 ปัจจัยพื้นฐานนี้ยังคงอยู่ และราคาสามารถยืนเหนือฐาน $4,100 ได้อย่างมั่นคง
ข้อมูลและเนื้อหาทั้งหมดจาก GoldAround จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและการศึกษาเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำการลงทุน การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ GoldAround ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูลนี้







Comments are closed.