- Advertisement -

SPDR กลับมาขายทองคำอีกกว่า 6 ตัน หลังราคาทองคำถูกกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น หลัง ปธ.เฟด และรมว.คลัง มั่นใจในการฟื้นตัวของ ศก.สหรัฐ แต่ราคาทองก็ยังเหนียวยังไม่หลุด $1720 ทำให้มองว่ายังไม่เลวร้ายนัก

มาดูการเคลื่อนไหวของ SPDR GOLD SHARES เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา( 24 มี.ค.) ได้ขายทองคำออกมาอีก 6.24 ตัน ที่ระดับราคา 1,727.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจากเมื่อวันเสาร์ได้ซื้อเข้า  3.50 ตัน (อ่านข่าวความเคลื่อนไหว SPDR ก่อนหน้านี้..) ทำให้เดือนมีนาคม SPDR ขายทองคำออกไปแล้วประมาณ  48  ตัน และในปีนี้ SPDR ขายทองคำออกมาแล้วกว่า 125 ตัน แต่ยังเหลือทองคำถือครองอยู่ประมาณ  1,045 ตัน

ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ฟื้นตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวที่ 1,729 ดอลลาร์หลังจากเมื่อคืนนี้ราคาได้ถูกเทลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 1,724 ดอลลาร์ (ดูกราฟราคาทองคำ..) โดยปัจจัยที่มากดดันทองคำคือการแข็งค่าของดอลลาร์ ที่เมื่อคืนนี้ เพิ่มขึ้น 0.64% มาแตะที่ ระดับ 92.3410 หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ และรัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้แสดงมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร โดยทั้งคู่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างมาก หลังได้แรงกระตุ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะมีการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพในปีหน้า

ทั้งนี้ ทาง GT Gold มองว่า ราคาทองคำได้ขึ้นไปชนทดสอบเส้น MA แต่ไม่ผ่าน ก่อนดิ่งลงหนักจากการที่เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า แต่ยังอยู่ในระยะกรอบสวิงหลัก 1,718-1,755 ดอลลาร์ วันนี้ต้องรอปัจจัยสำคัญใหม่ๆ มากำหนดทิศทางราคา

- Advertisement -

ส่วนประเด็นที่ต้องจับตาใกล้ชิดในช่วงนี้คือความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปและจีน ที่แลดูจะไม่สู้ดีและอาจส่งผลเสียต่อความตกลงด้านการลงทุนที่ทั้งสองฝ่ายพึ่งร่วมเจรจากันเสร็จสิ้นไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา หลัง EU ได้ขึ้นบัญชีดำเจ้าหน้าที่ของจีน 4 รายจากประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตซินเจียง อุยกูร์ ขณะที่จีนได้ตอบโตทันควันโดยการแบนเจ้าหน้าที่ของ EU รวม 10 รายและองค์การระดับภูมิภาคอีก 4 แห่ง จนทำให้มีเสียงเตือนมาจากบรรดาสมาชิกของรัฐสภายุโรปถึงโอกาสที่จะไม่มีการให้สัตยาบันต่อข้อตกลงด้านการลงทุนระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย

ทั้งนี้รัฐสภายุโรปมีกำหนดการที่จะร่วมโหวตข้อตกลงด้านการลงทุนกับจีนในช่วงต้นปี 2022 หลังการเจรจาที่ใช้ระยะเวลานานถึง 7 ปี ซึ่งหากมีการให้สัตยาบันก็จะทำให้นักลงทุนจากยุโรปสามารถเข้าถึงตลาดของจีนได้ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

- Advertisement -