ราคาทอง 25 พ.ย.67
ทิศทางแนวโน้มราคาทองคำโลกวันนี้
แรงขับทองพุ่งแรงมาจากการยกระดับความตึงเครียดยูเครนรัสเชีย โดยการสาดขีปนาวุธพิสัยไกลที่ทันสมัยที่สามารถใส่หัวรบนิวเคลียร์ได้ใส่กัน ซึ่งมีความเสี่ยงที่อีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าเป็นขีปนาวุธนิวเคลียร์จริงได้ ตลอดจนรัสเซียขนทหารเกาหลีเหนือมาร่วม สื่อว่าเป็นสงครามภูมิภาค โดยราคาทองพุ่งขึ้นเกือบ 200 เหรียญภายในสิบวัน เช้าวันนี้ราคาทองย่อเพราะไม่มียิงจรวดแต่ได้ข่าวฝรั่งเศสหนุนส่งจรวดให้ยูเครน วันนี้รอสถานะการณ์การโต้ตอบทั้งสองฝ่ายต่อไป ในทางกราฟเทคนิคดูยากช่วงข่าวสงคราม แต่ชี้ชัดว่าราคาทองขึ้นมาในโซนสูงมาก สามารถโดนเทขายทำกำไรได้ทุกเวลา จึงต้องระวังการเทรดทุกไม้ต้องมีวินัยมีแผนที่ดี โดยเฉพาะราคายืน 2700 ไม่ได้ กรณีทองหลุด 2675 จะเข้าโหมดพักฐาน
สัปดาห์นี้วันพฤหัสจะเป็นวันหยุดขอบคุณพระเจ้าที่ตลาดทองปิดทั้งวันและหวังว่าสงครามจากยูเครนจะผ่อนคลายในทางที่ดี จึงอาจมีการขายทำกำไร ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯจะกระจุกประกาศในคืนวันพุธไม่ว่าจะเป็น GDP สหรัฐฯและเงินเฟ้อส่วนบุคคล PCE ซึ่งถ้าออกมาเท่าเดิมก็อาจทำให้เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนหน้า
กลยุทธ์ ทองโลกและทองไทยยังเป็นขาขึ้นแต่การเทขายทำกำไรจะเกิดขึ้น กลยุทธ์คือต้องไวทั้งการเทรดสองฝั่ง ปรับพอร์ตให้สมดุลเพราะราคาทองมาจ่อโซนเทขายหรือแนวต้านสำคัญ 2725-50หรือ 44500 ช่วงผลเลือกตั้งทรัมป์ต้นเดือน เว้นแต่คุมสงครามยูเครนไม่ได้ทองจะไปนิวไฮ
วิเคราะห์ทองคำไทยวันนี้
ราคาทองคำไทยล่าสุดอยู่ที่ระดับ 44,250 บาทโดยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังดีดตัวจากแนวรับสำคัญบริเวณ 42,800 บาท ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของเดือนก่อนหน้า กราฟในภาพรวมแสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างชัดเจน ท่ามกลางปัจจัยหนุนจากทั้งราคาทองคำโลกและค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า สัปดาห์นี้เน้น ตัวเลข Core PCE เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับราคาทองคำ เพราะเป็นตัวชี้วัดหลักที่ Fed ใช้ในการประเมินเงินเฟ้อและกำหนดนโยบายดอกเบี้ย เน้นย่อซื้อตามแนวรับระยะสั้น
วิเคราะห์ค่าเงินไทย
ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ โดยล่าสุดเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 34.49 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ภายใต้นโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดโลก ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นกว่า 4% เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินสำคัญ เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่านโยบายลดภาษีและเพิ่มภาษีศุลกากรของทรัมป์จะกระตุ้นเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ซึ่งผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจต้องคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานาน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Treasury Yields) ปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี เพิ่มจาก 4.29% เป็น 4.39% หลังการเลือกตั้ง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 30 ปี เพิ่มขึ้นจาก 4.45% เป็น 4.58% ในทางเทคนิค ค่าเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มอ่อนค่าตามดอลลาร์ที่แข็งขึ้น โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 34.47 บาท/ดอลลาร์ หากหลุดแนวนี้ อาจเห็นการอ่อนค่าลงต่อไปที่ 34.13 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 34.78 บาท/ดอลลาร์ หากทะลุแนวนี้ ค่าเงินบาทอาจเผชิญแรงขายเพิ่มเติม สัปดาห์นี้จับตาการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ เช่น ดัชนี Core PCE และ GDP ไตรมาส 3 ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางดอลลาร์และความผันผวนของค่าเงินบาทในระยะสั้น
SIDEWAYS 2660 – 2755
จุดเข้า : Sell 2735-750
เป้าหมาย : 2695 – 26660
Stop Loss : 2760
ไม่มีสถานะ : รอขาย
มีสถานะซื้อ : ขึ้นขาย
มีสถานะขาย : ปิด
อารมณ์ตลาด : 4
ทองคำแท่ง 96.5 % (บาท)
• แนวรับ : 44,000 / 43,800
• แนวต้าน : 44,400 / 44,600
ทองคำแท่ง 99.99 % (บาท)
• แนวรับ : 45,000 / 44,800
• แนวต้าน : 45,200 / 45,400
Gold Spot
• แนวรับ : 2700 / 2675
• แนวต้าน : 2730 / 2750
Comments are closed.