ราคาทอง 14 พ.ย.67
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังจากที่พยายามทรงตัวเหนือระดับ 2,600 เหรียญแต่ไม่สำเร็จ โดยเมื่อคืนนี้มีแรงเทขายทำกำไรกลับเข้ามาอย่างหนาแน่นทำให้ราคาทองคำร่วงหลุด 2,600 เหรียญ ซึ่งถือเป็นแนวรับทางจิตวิทยาระยะสั้น โดยการที่ราคาทองคำหลุดระดับ 2,580 เหรียญลงมา ส่งผลให้ราคาทองคำในระยะกลางเข้าสู่ทิศทางขาลงต่อเนื่องมาแล้ว 5 วัน
จึงแนะนำให้นักลงทุนที่ถือสถานะ Long ควรปรับกลยุทธ์ หรือป้องกันความเสี่ยง หรือลดสถานะ Long ลง รวมถึงนักลงทุนที่ทำ Margin ในทุกระดับ ให้ถือเป็นความเสี่ยงที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบริหารให้ทันกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่เมื่อวานนี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Core CPI m/m, CPI m/m และ CPI y/y ออกมาใกล้เคียงจากที่คาดการณ์ ทำให้ตลาดโดยทั่วไปยังคงวิเคราะห์ว่า น่าจะได้รับผลกระทบจากทรัมป์ต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง
โดยจะเห็นได้ว่าดัชนีดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นมาโดยตลอดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 106.02 จุด และขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 106.54 จุด และปิดที่ระดับ 106.48 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 106.66 จุด เรียกได้ว่าดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นสูงทำ All Time High ในรอบ 6 เดือน (นับจากจุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 106.52 จุด ในช่วงกลางเดือนเม.ย.) ซึ่งจะเห็นได้ว่าดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว
จึงแนะนำให้นักลงทุนปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จากทิศทางขาขึ้นเป็นทิศทางขาลง ในส่วนของกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ขายออก 2.01 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 868.52 ตัน สำหรับวันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Core PPI m/m, PPI m/m และ Unemployment Claims คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นจากเดิม
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำเริ่มเข้าสู่แนวโน้มทิศทางขาลงในระยะกลางหลังจากหลุดระดับ 2,580 เหรียญลงมา ขณะที่ราคาทองไทยก็เข้าสู่ทิศทางแนวโน้มขาลงในระยะสั้นเช่นเดียวกัน ซึ่งจะลงได้ช้ากว่าดัชนีดอลลาร์เล็กน้อย โดยราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะกลางที่บริเวณ 42,000 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นแนวรับทางจิตวิทยา และมีแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันอยู่ที่ระดับ 41,750 บาทต่อบาททองคำ
อย่างไรก็ดี ยังคงย้ำเตือนนักลงทุนที่ใช้ Margin และ Leverage ไม่ว่าจะกี่เปอร์เซ็นต์ ให้ถือว่าเป็นการเก็งกำไรแบบระยะสั้นเท่านั้น ไม่ควรถือครองเกินกว่า 1 เดือน และไม่ควรบริหารเงินกู้มาเป็นการลงทุนระยะยาวโดยเด็ดขาด ให้ลดสถานะ Long ลง โดยให้มีคำสั่ง Stop Loss เพื่อหยุดสภาวะขาดทุน และบริหารสภาพความเสี่ยงให้ทันตามสภาพของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
โดยการทำ Stop Loss ทำได้ครั้งละ 30%, 60% และ 100% แบ่งเป็น 3 ระดับตาม Fibonacci ซึ่งการทำ Stop Loss ได้เร็วจะช่วยให้ภาพรวมของพอร์ตการลงทุนกลับเข้าสู่ปกติได้เร็ว ขณะที่ถ้าทำ Stop Loss ช้า และปริมาณไม่เป็นสัดส่วนของเปอร์เซ็นต์ตามที่กล่าวมา จะทำให้พอร์ตการลงทุนกลับเข้าสู่สภาะปกติได้ช้ามาก ซึ่งอาจใช้ระยะเวลามากกว่า 1 ปี โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับระยะสั้นที่ระดับ 2,550 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,590 เหรียญ
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,570 เหรียญ และแนวต้าน 2,610 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,560 เหรียญ และแนวต้าน 2,600 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 42,100 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 42,700 บาท/บาททองคำ
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แนะนำลดสถานะการซื้อ Long position เพื่อบริหารความเสี่ยง ตามแนวโน้มทิศทางขาลง
– นักลงทุนที่ถือ Long Position
ลดสถานะการซื้อ หรือ Long position ในระยะสั้นต้องระมัดระวังแรงขาย เนื่องจากอยู่ในช่วงการปรับฐาน ราคาอาจจะขึ้นเพื่อลงต่อจนกว่าจะสร้างฐานราคาได้
– นักลงทุนที่ถือ Short Position
เปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับ แนะนำให้เทรดระยะสั้น ระวังความผันผวนของราคา
ขอขอบคุณ : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS GOLD)
Comments are closed.