ทิศทางราคาทองคำ ปี 2568 – Gold Outlook 2025 EP6
สัมภาษณ์พิเศษ คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ.วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส (YLG)
ดำเนินรายการ โดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com
ชี้ทองคำยังเป็น “safe haven” คาดตลาดผันผวนหลัง “ทรัมป์” ครองอำนาจ ลุ้นปีนี้จะพุ่งแตะ $3,000 ได้หรือไม่
คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ.วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส (YLG) กล่าวกับ GoldAround ว่า
หลังจาก นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ พร้อมกับแถลงนโยบายไปเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยในช่วง 2-3 วันแรก ราคาทองคำยังตอบรับในแดนบวก ด้วยการขยับขึ้นไปยืนเหนือ 2,750 ดอลลาร์ ได้
จากการประเมินในภาพรวม ทาง YLG ยังมองแนวโน้มที่ค่อนข้างเป็นบวกสำหรับราคาทองคำในปีนี้ และยังไม่ได้เปลี่ยนมุมมองการลงทุน แต่มองว่าการเคลื่อนไหวของราคาจะมีความผันผวนมากขึ้น
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่านโยบายที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศออกมาในช่วงต้นของการขึ้นครองอำนาจ หลาย ๆ นโยบายได้สร้างความประหลาดใจ
อย่างในเรื่องของการเก็บภาษีการค้ากับจีน ที่ยังรุนแรงน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ หรือเรื่องของการเร่งยุติสงคราม รัสเซีย-ยูเครน ก็ไม่ได้รวดเร็วเหมือนกับที่ประกาศไว้ในช่วงการหาเสียง ทำให้ตลาดยังคงกังวลและรอการประกาศนโยบายเพิ่มเติมในช่วงหลังจากนี้
คุณฐิภาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า จะเห็นได้ว่า ทั้งราคาทองคำและราคาคริปโตฯ ได้ขยับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในส่วนของทองคำยังมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ซึ่งหลังจากนี้คงจะต้องติดตามการเคลื่อนไหวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างใกล้ชิด เพราะเชื่อว่าจะมีการประกาศนโยบายใหม่ ๆ หรือมีการปรับเปลี่ยนนโยบายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ เคลื่อนไหวผันผวน
ในส่วนของการลงทุนทองคำ ถ้าเป็นภาพรวมใหญ่ยังมองเป็นทิศทางขาขึ้น และอยากจะให้นักลงทุนได้เก็บสะสมทองคำไว้ในสัดส่วนประมาณ 10% ของพอร์ตการลงทุน นักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะในมือ รอราคาย่อตัวให้ซื้อสะสม
ขณะที่ กลุ่มนักลงทุนระยะสั้น จะต้องดูเรื่องของเทคนิคราคา ประกอบกับการติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และให้วางแผนด้วยความระมัดระวัง เพราะเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้เห็นการเหวี่ยงตัวแรง ๆ ของราคาทองคำ
ทั้งนี้ YLG ยังมองกรอบแนวต้านด้านบนไว้ประมาณ 3,000 ดอลลาร์ แต่ก่อนจะไปถึงแนวดังกล่าว อาจจะมีแนวต้านต่าง ๆ ที่จะต้องฝ่าขึ้นไป โดยแนวต้านระยะสั้นมองไว้แถว 2,850 ดอลลาร์ ขณะที่แนวรับระยะสั้นมองไว้ประมาณ 2,700 และ 2,650 ดอลลาร์
ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามนอกเหนือจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็คือ นโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ซึ่งคาดว่าปีนี้เฟดน่าจะลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ประกาศไว้ แต่ทั้งนี้จะต้องรอดูท่าทีของ ประธานเฟดอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าประธานเฟดก็จะรอดูตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศออกมาเช่นกัน
นอกจากนั้น ยังต้องติดตามเรื่องเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่นระดับสูง แต่สุดท้ายมองว่าจะมีการแก้ปัญหาด้วยการขยายเพดานหนี้เพิ่มเติม
ส่วนเรื่องความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ มองว่าในฝั่ง รัสเซีย-ยูเครน สถานการณ์จะเบาลง แต่ในจุดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นตะวันออกกลาง ก็ยังต้องติดตามใกล้ชิด
นอกจากนั้น ยังต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์เรื่องของ จีน-ไต้หวัน หรือ เรื่องแนวคิดของทรัมป์ที่จะเข้าไปยังกรีนแลนด์ หรือการยึดคลองปานามา
“จากปัจจัยทั้งหมด YLG มองว่า การถือครองทองคำ 10% ของพอร์ตไม่ได้เป็นเรื่องที่แย่ มันเหมือนเรามีประกันไว้ และของผลตอบแทนของทองคำในช่วง 30 ปีหลัง พบว่า จะขยายตัวเฉลี่ยประมาณ 8-10% แต่จะมีปีที่ผ่านมาที่ผลตอบแทนพุ่งแรงแตะเฉียด ๆ 30% ถือว่าค่อนข้างจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยมาก
หากว่าปีนี้ตั้งเป้าว่าราคาจะปรับเพิ่มอีก 10% โอกาสที่ราคาจะเข้าไปใกล้ระดับ 3,000 ดอลลาร์ ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง ดังนั้นเมื่อราคาได้มีการย่อตัว ยังแนะนำให้เข้าซื้อสะสม เพื่อรอราคาปรับเพิ่มขึ้นตามเทรนด์ใหญ่ต่อไป” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ.วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าว
ส่วนราคาทองคำไทย YLG ประเมินว่า อาจจะได้เห็นขึ้นไปแตะใกล้ ๆ บาทละ 50,000 บาท แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับค่าเงินบาทด้วยว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเรื่องของค่าเงินบาทส่งผลกับราคาทองคำในประเทศพอสมควร
ขณะที่ แนวรับยังมองว่าหากราคา gold spot ปรับลงแรง ก็อาจจะได้เห็นราคาทองคำไทยลงไปเคลื่อนไหวใกล้ ๆ แนว 40,000 บาท ยกเว้นว่าทั้งราคา gold spot และค่าเงินบาทไม่เอื้อ โอกาสที่จะลงไปทดสอบแถว 38,000 บาท ก็ยังมีความเป็นไปได้
แต่ทั้งนี้ ถ้าจะดูจากความต้องการทองคำในด้านกายภาพทั่วโลก ในปีที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นมาประมาณ 5% ขณะที่แรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก ก็ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งตรงจุดนี้ถือเป็นแรงหนุนอีกอย่างของราคาทองคำ
รับชมคลิป ทิศทางราคาทองคำ ปี 2568 – Gold Outlook 2025
Comments are closed.