หลังจากที่ราคา “ทองคำ” ได้แรงหนุนจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น การปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวม รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อขยับแรง ทำให้ราคาทองคำขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์ แต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้
นาย ดนุ ชาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีแคป จำกัด กล่าวกับ GoldAround.com ว่า ราคาทองคำ ได้เคลื่อนไหว sideway กรอบแคบ ๆ มาระยะหนึ่งแล้ว โดยระยะสั้นได้แรงหนุนจากแนวโน้มดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จากกระแสข่าวที่ธนาคารอังกฤษที่เตรียมจะขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทำให้เงินปอนด์แข็งค่า และดึงเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง
สำหรับกรอบใหญ่ของราคาทองคำยังอยู่ที่ 1,680-1,820 ดอลลาร์ ขณะที่กรอบระยะสั้นอยู่ที่ 1,745-1,820 ดอลลาร์ โดยเบื้องต้นรอให้ราคาวิ่งทะลุ 1,800 ดอลลาร์ เพื่อไปหา 1,820 ดอลลาร์ ซึ่งมองว่าช่วงนี้แนวโน้มฝั่งซื้อยังได้เปรียบ
เช่นเดียวกับ ราคาทองคำในประเทศ ที่ได้แรงหนุนจากค่าเงินบาทอ่อนค่า และแนวโน้มยังอ่อนค่าได้อีก ทำให้ที่ผ่านมา ราคาทองคำยังรักษาฐานที่แนว 27,800-27,850 บาท ไว้ได้ แม้ว่าในช่วงที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศเปิดประเทศในช่วงต้นเดือน พ.ย. ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมา แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ
จึงมองว่า การลงทุนทองคำในประเทศก็ยังน่าสนใจ เพราะที่ผ่านมา ราคาได้ขึ้นไปแตะระดับ 28,150-28,250 บาท มาหลายรอบแล้ว รอเพียงให้ราคา gold spot ดีดตัว และเงินบาทอ่อนค่าลง ก็จะทำให้ราคาขยับเพิ่มขึ้นได้อีก
กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีแคป จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นหลักที่นักลงทุนจับตา คือ การประชุม FOMC ในช่วงต้นเดือน พ.ย. ซึ่งน่าจะเป็นครั้งสำคัญ และตัดสินอนาคตของราคาทองคำ
โดยเชื่อว่า ในการประชุมครั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด จะประกาศไทม์ไลน์การปรับลดวงเงิน QE ซึ่งอาจจะเริ่มลดในเดือน ธ.ค. หรือไม่ก็เป็นช่วงเดือน ม.ค. ปีหน้า เพราะตัวเลขเงินเฟ้อได้ขยับสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยประเด็นของการลด QE ต้องดูว่า วงเงินที่จะลดมากน้อยเพียงไร
แต่ประเด็นที่น่าสนใจ และจะส่งผลต่อราคาทองคำโดยตรง คือ การขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นตามมา หลังจากที่การลด QE เสร็จสิ้น คงจะต้องติดตามต่อว่า จะขึ้นในอัตรามากหรือน้อย เพราะหากขึ้นมาก จะส่งผลต่อรายจ่ายจากหนี้ของสหรัฐฯ ที่มีอยู่ปริมาณมหาศาล แต่หากขึ้นน้อย ก็อาจจะทำให้ราคาทองคำปรับลดลงไม่มาก
ขอขอบคุณ : บริษัท จีแคป จำกัด
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.