Fundamental of money พื้นฐานของเงินตราบอกอะไรเราได้
หลายคนต่างตั้งคำถามว่า จริง ๆ แล้ว ช่วงเวลาจากนี้เป็นต้นไป เราควรเอาไงกับการลงทุนของพวกเราดี จะถือ Fait (เงินตรา) หรือ เงินสดฝากธนาคารกินดอกเบี้ยชิว ๆ ดี หรือ จะเอาไปซื้อสินทรัพย์ที่ราคามีความผันผวนมากอย่างหุ้น ทองคำ หรือสกุลเงินดิจิทัลดี
ถึงแม้ว่าเราจะเห็นสินทรัพย์หลาย ๆ อย่างโดนเทร่วงมาตลอด แต่การเข้าซื้อตลอด 1 ปีที่ผ่านมานี้ เล่นเอานักลงทุนหนาวกันเป็นแถวเลยครับ (ดอยไปหลายดอยแล้ว)
การจะบอกได้ว่า เราต้องเดินไปทางไหนกันต่อ อาจต้องย้อนมองดี ๆ ในพื้นฐานของเงินตรา ที่ผมขอเรียกว่า Fundamental of money กันหน่อยครับ…
หากเราลองมองในภาพใหญ่ของตลาดการเงินขึ้นมาหน่อย เงินตราทั่วโลก พื้นฐานมันไม่มีอะไร ค่อยรองรับอยู่ หรือ บางคนก็บอกว่า รองรับด้วยเศรษฐกิจประเทศนั้น
ความจริงแล้วเมื่อแต่ละประเทศใช้เงินที่ไม่มีอะไรรองรับเหมือน ๆ กัน ดังนั้น มันไม่ได้มีค่าในตัวมันเอง แต่มีค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ในเชิงเปรียบเทียบต่างหาก
ส่วนการมีค่าในประเทศเกิดจากแบงค์ชาติแต่ละประเทศ บังคับให้ใช้เงินของตัวเองในการแลกเปลี่ยนเท่านั้น ห้ามใช้อย่างอื่นแลกเปลี่ยน
สิ่งที่ผมอยากจะสื่อ ก็คือ เงินตราเป็นสิ่งมายา ความจริงแล้วในระยะยาว มันจะเสื่อมค่าตลอดด้วยธรรมชาติของมัน แต่ละสกุลเงินเสื่อมค่าเร็วไม่เท่ากัน
โดยประเทศไหนเศรษฐกิจอ่อนแอกว่า ค่าเงินก็จะเสื่อมเร็วกว่า เพราะพอเศรษฐกิจอ่อนแอ แบงค์ชาติจะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยวิธีต่าง ๆ ซึ่งมันคือการเพิ่มเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ เช่น การพิมพ์เงินหรือการลดดอกเบี้ย หรืออาจเป็นนโยบายการคลัง
แต่ไม่ว่าจากวิธีไหน ปลายทางคือการเพิ่มเงินเข้าสู่ระบบ ดังนั้น พอระบบรวมมีเงินมากขึ้น เงินมันก็เสื่อมหรือที่เรียกกันว่าเงินเฟ้อนั่นแหละ
ปัจจุบัน เราเห็นค่าเงินทั่วโลกกำลังอ่อนค่ารุนแรง เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ก็คือเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งที่สุด เมื่อเทียบสกุลเงินอื่น ๆ มันเลยทำให้ค่าเงินบางประเทศอ่อนถึงขั้นพังไปเลยก็มี คืออ่อนจนเสียความเชื่อมั่นในระยะยาวแล้ว คนในประเทศหนีตายจากค่าเงินตัวเอง เช่น ลาว ศรีลังกา เป็นต้น
ขนาดมหาอำนาจเก่าอย่าง อังกฤษ ค่าเงินยังเสื่อมรุนแรงเช่นกัน พอค่าเงินประเทศนั้น ๆ เสื่อมค่าลง สิ่งที่จะตามมาก็คือ ข้าวของในประเทศนั้นจะแพงขึ้นตามการเสื่อมของสกุลเงิน ก็คือปัญหาเงินเฟ้อที่เราเห็นกันทุกวันนี้
แล้วในช่วงเวลาที่เงินเสื่อมแบบนี้ การเข้าซื้อทรัพย์สินมันก็ต้องดีสิ เพราะได้หนีออกจากค่าเงินที่กำลังเสื่อม แต่ด้วยความที่เศรษฐกิจมันไม่ดี สินทรัพย์ต่าง ๆ มันเลยโดนเทขายเช่นกัน เช่นพอคนไม่มีเงิน ก็จำเป็นต้องขายทรัพย์สินมาใช้หนี้ อะไรทำนองนี้ เป็นตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ
ลองมาดูกันว่าราคาหุ้นตอนนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง ลดราคากันขนาดไหน

จากรูปแสดง ดัชนี FTSE หรือ ตลาดหุ้นของอังกฤษ จะเห็นว่าร่วงลงมาจากยอดนับจากเดือน ก.พ. 2022 ประมาณ 10% ในรูปของปอนด์
ในขณะที่หุ้นร่วง 10% ในสกุลปอนด์ แถมปอนด์ก็อ่อนไป 21% ดังนั้น จริง ๆ แล้ว หุ้นอังกฤษในรูปของดอลลาร์จะร่วงลงมาถึง 29%
จากรูปแสดง ดัชนี SET index หรือ ตลาดหุ้นของไทย จะเห็นว่า ร่วงลงมาจากยอดนับจากเดือน ก.พ. 2022 ประมาณ 8% เท่านั้น ในรูปของบาท
ในขณะที่หุ้นร่วง 8% ในสกุลบาท แถมบาทก็อ่อนไป 28% ดังนั้น จริง ๆ แล้ว หุ้นไทยในรูปของดอลลาร์จะร่วงลงมาถึง 44%
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.